ช่วงนี้หลายคนเริ่มเห็นชื่อของ Windtree Therapeutics โผล่มาในแวดวงคริปโต ทั้งที่บริษัทนี้จริง ๆ แล้วเป็นบริษัทเวชภัณฑ์จากเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา จดทะเบียนในตลาดหุ้น Nasdaq โดยก่อนหน้านี้แทบไม่เกี่ยวข้องกับคริปโตเลย แต่ล่าสุดเล่นใหญ่ ประกาศจะซื้อ BNB (เหรียญของ Binance Chain) มูลค่ารวมสูงสุดถึง 700 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นประเด็นที่สะเทือนวงการทันที เพราะนี่คือการถือครองคริปโตขนาดใหญ่ในฐานะ “สินทรัพย์สำรอง” (crypto treasury)
แผนของ Windtree เริ่มต้นจากการตกลงลงทุนซื้อ BNB ไปก่อน 200 ล้านดอลลาร์ จากนั้นพวกเขาก็เปิดสายสินเชื่อ (equity line) เพิ่มอีก 500 ล้านดอลลาร์กับนักลงทุนสถาบันรายหนึ่ง และยังบวกเพิ่มอีก 20 ล้านดอลลาร์จากข้อตกลงออกหุ้นให้บริษัท Build and Build Corp ถ้านับรวมทั้งหมดจะเท่ากับ 700 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทก็บอกชัด ๆ ว่าจะเอาไปซื้อ BNB เกือบทั้งหมด แต่ทั้งนี้ยังต้องผ่านมติอนุมัติจากผู้ถือหุ้นก่อนจึงจะเดินหน้าต่อได้
การประกาศนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ BNB พุ่งแตะ ราคาสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) ที่ประมาณ 808 ดอลลาร์ ก่อนจะปรับตัวลงเล็กน้อย โดย ณ วันที่ประกาศแผน ราคายังอยู่แถว ๆ 760–770 ดอลลาร์ ซึ่งหลายคนก็มองว่านี่อาจเป็นจุดที่ Windtree ตั้งใจเข้าซื้อเพื่อถือระยะยาวมากกว่าจะเก็งกำไรระยะสั้น
CEO ของบริษัท Jed Latkin ออกมายืนยันว่าเหตุผลของการลงทุนใน BNB ครั้งนี้ก็เพื่อเสริมแกร่งงบดุลบริษัทในรูปแบบใหม่ ๆ โดยการถือคริปโตเป็น “สินทรัพย์สำรอง” เป็นแนวทางที่เขาเชื่อว่าจะสร้างมูลค่าได้ในระยะยาว คล้าย ๆ กับที่ MicroStrategy ถือ Bitcoin ไว้ในงบการเงิน ซึ่งก็เริ่มเห็นหลายบริษัททั่วโลกใช้แนวทางนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นตอบสนองไม่ค่อยปลื้มเท่าไร เพราะหลังจากประกาศไม่นาน หุ้นของ Windtree (WINT) ก็ดิ่งลงราว 5% ทันที สวนทางกับราคาหุ้นที่เพิ่งพุ่งขึ้นกว่า 160% ในเดือนที่ผ่านมา โดยมาจากกระแสคาดหวังว่าบริษัทจะผันตัวมาเล่นเกมคริปโตเต็มตัว แต่นักลงทุนสายอนุรักษ์นิยมบางส่วนอาจยังมองว่าการถือครองเหรียญคริปโตในงบดุลบริษัทเภสัชกรรมเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป
ที่น่าสนใจคือ Windtree ไม่ใช่บริษัทเดียวที่ทำแบบนี้ ล่าสุดยังมี Nano Labs จากจีนที่ประกาศแผนซื้อ BNB มูลค่าถึง 1 พันล้านดอลลาร์ รวมถึงบริษัทอย่าง Semler Scientific, Metaplanet และแน่นอน MicroStrategy เองที่ถือ Bitcoin แบบจัดหนัก เทรนด์นี้เริ่มชัดเจนขึ้นว่าบริษัทจดทะเบียนเริ่มมองสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นทางเลือกใหม่ของเงินทุนสำรอง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดขาขึ้นแบบนี้
สุดท้าย แม้การถือครองคริปโตจะดูน่าตื่นเต้น แต่ก็อย่าลืมว่าความเสี่ยงก็สูงเช่นกัน ทั้งเรื่องความผันผวนของราคา และความไม่แน่นอนของกฎเกณฑ์ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่ SEC ยังไม่มีท่าทีชัดเจนต่อการถือเหรียญในบัญชีของบริษัทแบบนี้ ใครที่ตามข่าวนี้อยู่ก็น่าจะต้องจับตาดูผลโหวตของผู้ถือหุ้น Windtree ว่าจะไฟเขียวหรือเบรกไว้ก่อน
ที่มา : decrypt
Facebook Comments