การพัฒนาโครงการ CBDC ของประเทศไทย (โครงการ อินทนนท์ Inthanon Project) ภายใต้การนำของ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้พัฒนาเข้าสู่ระยะที่ 3 แล้ว โดยจะนำเข้าสู่การใช้งานกับธุรกิจใหญ่ๆ
อ้างอิงรายงานโดย The Nation of Thailand คุณ วชิรา อารมร์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่าธนาคารกลางได้เริ่มใช้ CBDC ในการทำธุรกรรมทางการเงินกับธุรกิจขนาดใหญ่หลายแห่งแล้ว เช่น ผู้ให้บริการปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างของประเทศไทยกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย (SCG) และ บริษัท ฟินเทค บริษัท ดิจิตอลเวนเจอร์ จำกัด ได้รับเลือกจาก ธปท. เพื่อทดสอบระบบต้นแบบการชำระเงินนำร่อง
ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ธปท. ประกาศแผนการพัฒนาตัวต้นแบบเพื่อทดสอบกรณีการใช้งานจริงของ CBDC ตัวต้นแบบนั้นได้รับมาจาก Project Inthanon ซึ่งจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างโครงการ ive และ ธปท. กับสถาบันการเงินทั้งหมด 8 แห่ง เพื่อขยายขอบเขตการทดสอบการโอนเงินระหว่างประเทศโดยใช้ CBDC ด้านอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น การทดสอบการเพิ่มจำนวนธุรกรรมมากขึ้น และ ลดระยะเวลาการโอนเงินให้น้อยลง
ในขั้นตอนต่อไป ธปท. จะเริ่มใช้สกุลเงินดิจิทัลสำหรับการทำธุรกรรมกับหน่วยงานการเงินของฮ่องกงโดยจะเริ่มต้นในเดือนกันยายนนี้ และมีแผนที่จะขยายการใช้งานให้กับภาคประชาชน ต่อไป
คุณวชิรา กล่าวเตือนว่า “สกุลเงินดิจิตอลอาจมีผลกระทบต่อธนาคารพาณิชย์ โดยตัดคนกลางในการทำธุรกรรมทางการเงินออกไป” แต่ในทางกลับกัน “ มันจะช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกรรมทางการเงินให้ถูกลง”
แต่ถึงกระนั้น คุณวชิรา ก็ได้แสดงความมุมมองในแง่ดี เมื่อเธอชี้ไปที่ประเทศจีนที่ “ การใช้งานสกุลเงินดิจิตอลในรูปแบบของโทเค็น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินที่นั่น”
ในขณะเดียวกัน คุณฐากร ปิยะพันธ์ หัวหน้ากลุ่ม Krungsri Consumer Group ก็ได้สนับสนุนการเปิดสกุลเงินดิจิทัลของ ธปท. โดยคุณปิยะพันธ์ กล่าวยืนยันว่า CBDC จะช่วย “ ส่งเสริม Mobile Banking และ e-wallets ในขณะที่ลดต้นทุนการพิมพ์และการใช้ธนบัตร”
ที่มา : Bitcoin.com, bot.or.th, thansettakij.com
Facebook Comments