Chase Bank ได้ตกลงที่คืนเงินค่าธรรมเนียมเกือบ 2.5 ล้านดอลลาร์ให้กับลูกค้าที่กล่าวหาว่าบริษัทมีการเรียกเก็บเงินที่ไม่ยุติธรรมสำหรับการทำธุรกรรมคริปโต
บริษัทย่อยของ JPMorgan Chase ตกลงที่จะยอมความในคดีฟ้องร้องของลูกค้าเมื่อปี 2018 ที่กล่าวหาว่าบริษัทมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่สูงเกินไปสำหรับบัตรเครดิต Chase ที่ได้จำแนกประเภทของการซื้อคริปโตว่าเป็น ‘การเบิกใช้เงินสดล่วงหน้า’ (advance fee)
ในเดือนมีนาคม โจทย์ที่นำโดยนาย Brady Tucker , นาย Ryan Hilton และนาย Stanton Smith ได้เข้าฟ้องร้องต่อศาลทางตอนใต้ของสหรัฐฯในนิวยอร์กว่า พวกเขาได้ตกลงที่จะทำข้อตกลงกับจำเลย Chase Bank คำสั่งที่ลงนามโดยผู้พิพากษา Katherine Polk Failla ในช่วงเวลานั้นได้ส่งผลให้การดำเนินคดีในศาลถูกยกฟ้องและอนุญาตให้บริษัทสามารถดำเนินการได้ต่อไป
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมาสำนักข่าวรอยเตอร์ได้มีการรายงานถึงเรื่อง การยื่นคำร้องต่อศาลรัฐบาลกลางแมนฮัตตัน ซึ่งครั้งนี้โจทก์ได้ยื่นข้อเสนอให้กับทางบริษัทเพื่อคืนเงินเป็นจำนวนทั้งหมด 95% ของคดีนี้
“Chase Bank ได้ตกลงที่จะยอมรับข้อตกลงนี้เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและการฟ้องร้องที่ยืดเยื้อ”
การฟ้องร้องคดี เกิดขึ้นครั้งแรกในเดือนเมษายน 2018 เมื่อนาย Tucker กล่าวหาธนาคาร Chase Bank ว่ามีการหักเงินค่าธรรมเนียมจากบัตรเครดิตของเขามากกว่า $ 160 สำหรับการซื้อคริปโตเคอเรนซี่บนว็ปเทรด Coinbase
นาย Prashant Singh ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายกลยุทธ์ของ JPMorgan Chase ให้การว่า “ในช่วงระหว่างวันที่ 10 เมษายน 2015 และวันที่ประกาศ (21 พฤษภาคม 2020) ผู้ถือบัญชีบัตรเครดิต Chase Bank ถูกประเมินว่าได้รับเงินค่าธรรมเนียมกว่า $ 2,567,252 จากการเบิกใช้เงินสดล่วงหน้า (cash-advance fees) สำหรับธุรกรรมที่เชื่อมโยงกับการซื้อสกุลเงินคริปโต ดังนั้นจำนวนเงิน Refund ที่ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนนั่นอยู่ที่ราว ๆ $ 2.4 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 95% ของทั้งหมด
ที่มา : finance.yahoo
Facebook Comments