เหตุผลว่าทำไม CEO Coinbase ถึงทรยศผู้ใช้และขายข้อมูลคริปโตให้กับกรมสรรพากร

Crypto News
Read Time2 Minute, 24 Second

ในขณะนี้ Coinbase กำลังตกเป็นเป้าเล็ง หลังจากที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.เปิดเผยซอฟต์แวร์การทำธุรกรรมข้อมูลที่เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทกับหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งสิ่งนี้ขัดต่อหลักจริยธรรมของวิถีการกระจายอำนาจและคริปโตเคอเรนซี่

บริษัทซอฟต์แวร์ Analytics ของ Coinbase ชนะสัญญา4 ปี ที่เสนอโดย Secret Service มูลค่ากว่า $180,000 ในปีนี้ และจะสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม 2024

อย่างไรก็ตามในวันที่ 12 ก.ค. 2020 นาย Brian Armstrong CEO ของ Coinbase ได้ออกมาโพสต์บน Twitter ของเขาเพื่ออธิบายเกี่ยวกับการตัดสินใจที่ได้เผยซอฟต์แวร์ให้กับหน่วยงานกำกับดูแล แต่ดูเหมือนว่านักวิจารณ์ส่วนใหญ่จะรู้สึกไม่ค่อยประทับใจในคำอธิบายของเขาเท่าไหร่นัก

คำอธิบาย

นาย Armstrong กล่าวว่า ซอฟต์แวร์ดังกล่าวนั่นไม่มีอะไรใหม่ บริษัทคริปโตอย่างเช่น Chainalysis ได้ใช้ข้อมูลด้าน blockchain ที่เปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อกำจัดผู้เล่นที่ไม่ดีออกไป

มันมีไว้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้งาน (KYC / AML) ในมุมมองของเขา มันถูกใช้เพื่อให้เว็ปเทรดคริปโตสามารถเชื่อมต่อกับระบบการเงินแบบดั้งเดิมได้ง่ายขึ้น เช่น การเชื่อมต่อข้อมูลกับบัญชีธนาคาร , การโอนเงินผ่านธนาคาร หรือการแปลงเงินคริปโตไปเป็นเงินเฟียต ดังนั้นสิ่งนี้จึงต้องการกฎหมาย AML และการใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลด้าน blockchain สำหรับตรวจสอบการทำธุรกรรม เขากล่าวอธิบาย

ก่อนหน้านี้ Coinbase ได้ใช้ผู้ให้บริการบุคคลที่สามในการเก็บข้อมูล AML ที่จำเป็นสำหรับ การให้บริการธุรกิจคริปโตที่ถูกต้องตามกฎหมาย

แต่นาย Armstrong เปิดเผยว่า ธุรกิจไม่ได้เป็น “เหมือนการแบ่งปันข้อมูลให้กับบุคคลที่สาม เมื่อพวกเราสามารถหลีกเลี่ยงมันได้ ด้วยการสร้างซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ข้อมูลภายในองค์กร

สิ่งนี้จะถูกทำผ่านการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งต้องเผชิญกับการแย่งชิงอะไรบางอย่างกันภายในทีม :

นอกจากนี้เขากล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า :

“ซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ข้อมูลด้านบล็อคเชนนั่นเป็นเพียงแค่การรวบรวมข้อมูลสาธารณะที่มีอยู่ในบล็อกเชนแล้วพยายามจัดระเบียบเพื่อให้มีประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น”

แต่ที่น่าสนใจก็คือ นาย Armstrong กล่าวว่า ผู้ใช้ที่กำลังมองหาความเป็นส่วนตัว พวกเขาจะต้องติดอยู่กับสกุลเงินที่มีความเป็นส่วนตัวเพราะ “นั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ”

อย่างไรก็ตามนักวิจารณ์บางรายรู้สึกไม่พอใจกับคำอธิบายของเขาและตอบกลับโพสต์ของเขาอย่างทันควันว่า :

“คุณจะเรียกเหรียญตัวเองว่าเป็นมืออาชีพได้อย่างไร ? หากคุณยังไม่ได้มีการลิสเหรียญ Monero ซึ่งเป็น ‘เหรียญความเป็นส่วนตัว’ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ?” กล่าวโดยนายSeth Simmons นักวิศวกรรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูล

ที่มา : cryptoslate

0 0

Facebook Comments

Next Post

ครบรอบ 5 ปีของ Ethereum สำหรับแนวทางที่มุ่งเน้นในเรื่อง USDT และ DeFi

5 ปี หลังจากการเปิดตัว ETH ในปี 2015 และอนาคตของบล็อกเชนอาจอยู่ใน DeFi และ USDT […]