นาย Michael Saylor CEO ของบริษัท MicroStrategy ที่เพิ่งได้ลงทุนเงินกว่า 425 ล้านดอลลาร์ใน Bitcoin กล่าวว่า นักลงทุน altcoin ควรทบทวนกลยุทธ์ของตัวเองใหม่ หากต้องการให้ตลาดคริปโตบรรลุเป้าหมายสูงสุด
ในการระหว่างการให้สัมภาษณ์กับรายการ “What Bitcoin ?” บน Podcast นาย Michael Saylor กล่าวว่า นักลงทุน Altcoin ควรหันมาสนับสนุน Bitcoin แทนที่จะมองตลาดคริปโตเป็นเหมือนกับสนามรบ
“ชุมชนคริปโตส่วนใหญ่มักใช้เวลาไปกับการถกเถียงกันระหว่าง Altcoins และ Bitcoin แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่พวกเขาควรทำก็คือ การพูดถึงเหรียญ Altcoin เมื่อเทียบกับเงินหรือทองคำที่มีแนวโน้มลดลง หรือความผันผวนของ Bitcoin เมื่อเทียบกับหุ้นของ Apple นั้นกำลังมีแนวโน้มที่จะลดลง ผมสามารถหาตัวชี้วัดสำหรับความผันผวนของ Bitcoin เมื่อเทียบกับ Tron ได้ แต่มันคงดูเป็นเรื่องตลก
เนื่องจากเงิน 300 ล้านล้านดอลลาร์ไม่ได้เลือกระหว่างเหรียญ Tron หรือ Bitcoin แต่เงิน 300 ล้านล้านดอลล่าร์ ซึ่งเป็น 99.9% ของความมั่งคั่งและอำนาจทั้งหมดในโลกนั้นอยู่ข้างนอก ดังนั้นหากคุณต้องการทำให้อุตสาหกรรมนี้ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนของเหรียญ Tron, Ethereum, EOS, Chainlink, Tether, Ripple หรือเหรียญคริปโตอะไรแล้วแต่ พวกคุณทุกคนล้วนมีส่วนรับผิดชอบในการนำเงินเหล่านั้นเข้ามา ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดในการย้ายเงินออกจากทองคำ , เงินทุน , ดัชนี , พันธบัตร , อสังหาริมทรัพย์มาสู่ตลาดคริปโตก็คือ การใช้ Bitcoin เป็นอันดับแรก”
นาย Saylor ยังเปรียบเทียบด้วยว่า Bitcoin และหุ้นสหรัญ นั่นมีความแตกต่างกันที่เห็นได้อย่างชัดเจน โดยเขากล่าวว่า :
“ผู้คนในแถบซับซาฮาราแอฟริกาไม่สามารถซื้อหุ้นของ Apple และส่งต่อให้คนที่พวกเขารักเพื่อหลีกเลี่ยงผันผวนจากสกุลเงินได้ และนั่นคือความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน ไม่มีใครซื้อ T-bill , ทองคำแท่ง หรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลายของสกุลเงิน ซึ่งเมื่อวานนี้ผมได้ทวีตเกี่ยวกับ Bitcoin ว่า มันได้รับความนิยมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในตุรกี ซึ่งนั่นมีความหมายอย่างมากสำหรับผู้คน 90 ล้านคนภายในประเทศ
และยังมีเรื่องราวในประเทศอื่น ๆ อีกกว่า 19 ประเทศที่สกุลเงินของพวกเขากำลังพังทลายลงเช่นกัน ดังนั้นเมื่อผู้คนเริ่มคิดถึงการลงทุนที่เปลี่ยนชีวิตของผู้คนนับพันล้าน พวกเขาจะเริ่มสังเกตเห็นว่า มันมีความแตกต่างกันระหว่างการซื้อหุ้นของ Amazon และ Bitcoin เพราะหุ้นของ Amazon นั่นไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับผู้คนนับพันล้านคนทั่วโลกได้”
Facebook Comments