เมื่อไม่นานมานี้ผู้สนับสนุนหลักของ Bitcoin Cash นาย Roger Ver เพิ่งได้แชร์คริปวิดีโอบน Twitter ของเขาที่แสดงให้เห็นว่าเครื่องหยอดเหรียญจำนวนมากในประเทศฮ่องกงรับชำระเงินด้วย Bitcoin Cash, Litecoin, Binance Coin และ Ethereuฺm แต่ไม่รับ Bitcoin ทำให้มีผู้คนออกมาแสดงความไม่พอใจกันมากมาย
หนึ่งในนั้นรวมถึง Youtuber ชื่อดังอย่างนาย Tone Vays เพราะเขาทำใจไม่ได้กับความจริงที่ว่าธุรกรรม Onchain ของ Bitcoin นั้นไม่สามารถรองรับบริการดังกล่าวได้ เหตุผลที่ Bitcoin Cash รองรับการให้บริการของเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติแบบหยอดเหรียญในฮ่องกงนั้นเป็นเพราะว่า ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม Bitcoin นั้นแพงกว่าการทำธุรกรรมของ Bitcoin Cash ถึง 1,931 เท่า
ตู้หยอดเหรียญฮ่องกงรับชำระเงินด้วยเหรียญคริปโต
เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่แนวคิดของการใช้ประโยชน์จาก cryptocurrencies ด้วยตู้หยอดเหรียญเป็นแนวโน้มที่ได้รับความนิยม และในช่วงแรก ๆ ที่ค่าธรรมเนียม Bitcoin (BTC) ยังไม่สูง เครื่องขายแสตมป์อัตโนมัติก็เคยใช้บริการชำระเงินด้วย Bitcoin แต่ในปี 2016 ค่าธรรมเนียม BTC ที่พุ่งสูงขึ้นแตะ $ 50 ต่อธุรกรรม ทำให้เครื่องหยอดเหรียญ Bitcoin ไม่สามารถอยู่บนโลกแห่งความจริงนี้ได้ จนกระทั่งมีเครื่องขายขนมที่รับชำระเงินด้วย Lightning Network สองสามเครื่อง แต่เครือข่าย Lightning Network นั้นก็เต็มไปด้วยปัญหา เช่น การทำธุรกรรมที่ล้มเหลวและช่องโหว่อื่น ๆ มากมาย
อ้างอิงจากข้อมูลของ Coin Dance และ Billfodl ที่เผยว่า หากสินค้าในเครื่องหยอดเหรียญเป็นขนมหรือน้ำอัดลมที่มีราคา $ 1 การทำธุรกรรมโดยเฉลี่ยจะมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ช่วงระหว่าง $ 1.23 หรือ $ 1.72 ต่อการทำธุรกรรม ดังนั้นคนซื้อจะต้องจ่ายคนอย่างน้อย $ 2.23 สำหรับโคล่า 8 ออนซ์ ซึ่งก็อาจจะไม่ตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบตู้หยอดเหรียญ
เครดิต : Bitcoin.com, Daniel Fung / Shutterstock.com, Tokenhell.com
Facebook Comments