5 เหตุผลเชิงบวกที่บ่งบอกว่าราคา 53,000 ดอลลาร์อาจเป็นจุดต่ำสุดของ Bitcoin

Crypto News
Read Time5 Minute, 15 Second

แม้ราคา Bitcoin จะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้งและร่วงแตะจุดต่ำสุดในรอบห้าเดือน แต่ตัวชี้วัดที่สำคัญหลายตัวชี้ให้เห็นว่า ฝั่งผู้ซื้ออาจกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวที่อาจเกิดขึ้นกับแนวโน้มราคาของ BTC

Bullish divergence

บิทคอยน์ (BTC) เจอช่วงเวลาแห่งความผันผวนในเดือนนี้ ราคาทรุดตัวลงกว่า 10.50% เหลือประมาณ 57,000 ดอลลาร์ (ณ วันที่ 7 กรกฎาคม) จุดต่ำสุดของ BTC อยู่ที่ 53,550 ดอลลาร์ ซึ่งการลดลงนี้มาจากความกังวลเกี่ยวกับการเทขายเหรียญจำนวนมากของ Mt. Gox ที่กำลังทยอยคืนเงินกว่า 140,000 BTC ให้แก่ลูกค้าและการขาย BTC ของรัฐบาลเยอรมนี

แม้ราคาจะร่วงลง แต่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าแรงขายอาจจะกำลังอ่อนลง เนื่องจากดัชนีชี้วัดความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) กลับขยับสูงขึ้น ซึ่งเป็นภาวะที่ราคาลดลง แต่ RSI กลับขึ้น สภาวะ Bullish divergence แบบนี้ มักบ่งบอกว่าแรงขายกำลังอ่อนลง แม้ว่าราคาจะยังคงทรุดตัวอยู่ก็ตาม

Bullish hammer

นอกจาก RSI ที่กำลังส่งสัญญาณ Bullish divergence แล้ว ยังมีสัญญาณทางเทคนิคอีก 2 อย่างที่สนับสนุนแนวโน้มการกลับตัวเป็นขาขึ้น

  • รูปแบบแท่งเทียน Bullish Hammer: บิทคอยน์ได้สร้างแท่งเทียน Bullish Hammer ขึ้นเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ซึ่งลักษณะของแท่งเทียนนี้จะมีขนาดเล็กอยู่ด้านบนของแท่งเทียนรายวัน พร้อมกับเงาแท่งเทียนด้านล่างที่ยาวกว่าด้านบน แสดงถึงแรงซื้อที่พยายามดันราคาขึ้นหลังจากที่ราคาเคยลดลงมาก่อนหน้านี้ ซึ่งรูปแบบแท่งเทียนนี้เคยปรากฎขึ้นในเดือนพฤษภาคมด้วย
  • ดัชนี RSI ใกล้ oversold: ค่า RSI ของบิทคอยน์รายวันกำลังอยู่ใกล้ระดับ oversold ที่ 30 ซึ่งมักจะเป็นสัญญาณก่อนการหยุดพักฐานของราคาหรือการฟื้นตัว นักวิเคราะห์ Jacob Canfield มองว่า สัญญาณนี้อาจเป็นการฟื้นตัวของราคา โดยบิทคอยน์มีโอกาสกลับไปแตะระดับสูงเดิมที่เคยอยู่เหนือ $70,000 อีกครั้ง

นักลงทุนวอลล์สตรีทเดิมพันว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน

ความน่าจะเป็นที่บิตคอยน์จะกลับมาพุ่งทะยานอีกครั้งในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เพิ่มขึ้นสูงตามการคาดการณ์ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน

ข้อมูลจาก CME เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม นักลงทุนวอลล์สตรีทมองว่ามีโอกาส 72% ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดฐาน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 46.60% เมื่อเทียบกับข้อมูลเมื่อหนึ่งเดือนก่อน

ความคาดหวังต่ออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากอัตราการจ้างงานในสหรัฐอเมริกาชะลอตัว

เมื่อตลาดงานอ่อนแอลง เฟดมักจะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมักส่งผลดีต่อ Bitcoin และสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ เนื่องจากทำให้การลงทุนที่ปลอดภัยแบบเดิม เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่น่าสนใจอีกต่อไป

นักลงทุน Bitcoin ETF กลับมาอีกครั้ง

ตัวชี้วัดแนวโน้มขาขึ้นอีกประการหนึ่งสำหรับตลาด BTC คือ การกลับมามีกระแสเงินไหลเข้าในกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน Spot Bitcoin (ETF) ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่มีกระแสเงินไหลออกติดต่อกันสองวัน

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม เมื่อสหรัฐรายงานข้อมูลตัวเลขอัตราว่างงานที่อ่อนแอ กองทุนเหล่านี้ดึงดูด BTC รวมกันได้มูลค่า 143.10 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก Farside Investors ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนบนวอลล์สตรีทมีทัศนคติเสี่ยงที่สูงขึ้น

กองทุน Fidelity Wise Origin Bitcoin Fund (FBTC) เป็นกองทุนหลักที่นำเงินไหลเข้า 117 ล้านดอลลาร์ กองทุน Bitwise Bitcoin ETF (BITB) มีเงินไหลเข้าสุทธิ 30.2 ล้านดอลลาร์ และกองทุน ARK 21Shares Bitcoin ETF (ARKB) ร่วมกับ VanEck Bitcoin Trust (HODL) มีเงินไหลเข้า 11.3 ล้านดอลลาร์และ 12.8 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ

ในทางตรงกันข้าม Grayscale Bitcoin Trust (GBTC) ประสบกับกระแสเงินไหลออกสุทธิ 28.6 ล้านดอลลาร์

อุปทานเงินของสหรัฐฯ กำลังขยายตัวอีกครั้ง

ปัจจัยบวกเพิ่มเติมสำหรับ Bitcoin มาจากการเพิ่มขึ้นล่าสุดของอุปทาน M2 ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมาตรการวัดอุปทานเงินที่รวมถึงเงินสด เงินฝากเช็ค และเงินที่แปลงสภาพเป็นเงินสดได้ง่าย เช่น เงินฝากออมทรัพย์ หลักทรัพย์ตลาดเงิน และเงินฝากประจำอื่น ๆ

ณ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 อุปทานเงิน M2 เพิ่มขึ้นประมาณ 0.82% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยลดการลดลงโดยรวมจากการลดลงสูงสุดที่ 4.74% ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 เหลือประมาณ 3.50%

ตารางอุปทาน M2 ของสหรัฐฯ แหล่งที่มา: FRED

การเติบโตของอุปทาน M2 ถือเป็นปัจจัยบวกสำหรับ Bitcoin เนื่องจากช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ เงินหมุนเวียนมากขึ้นทำให้มีการลงทุนมากขึ้นในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง เช่น Bitcoin เนื่องจากการลงทุนแบบดั้งเดิม เช่น การออมและพันธบัตรให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่า

การยอมจำนนของนักขุด Bitcoin บ่งชี้ว่าราคา BTC ตกต่ำถึงขีดสุด

ตัวชี้วัดการยอมจำนนของนักขุด Bitcoin กำลังเข้าใกล้ระดับที่เห็นในช่วงที่ตลาดตกต่ำหลังจากการล่มสลายของ FTX ในช่วงปลายปี 2022 ซึ่งบ่งชี้ถึงจุดต่ำสุดที่เป็นไปได้ของ BTC การยอมจำนนของนักขุดเกิดขึ้นเมื่อนักขุดลดการดำเนินการหรือขายส่วนหนึ่งของ Bitcoin ที่ขุดได้และสำรองไว้เพื่อให้ดำเนินต่อไป รับผลตอบแทน หรือป้องกันความเสี่ยงจากการเปิดรับความเสี่ยงจาก Bitcoin

นักวิเคราะห์ตลาดได้เน้นย้ำถึงสัญญาณการยอมแพ้หลายประการในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งราคา Bitcoin ลดลงจาก 68,791 ดอลลาร์เหลือเพียง 53,550 ดอลลาร์ สัญญาณที่น่าสังเกตประการหนึ่งคือ อัตราแฮชเรตของ Bitcoin ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งก็คือพลังประมวลผลทั้งหมดที่รักษาความปลอดภัยให้กับเครือข่าย Bitcoin

อัตราแฮชเรทลดลง 7.7% เหลือเพียง 576 EH/s ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันที่ 27 เมษายน การลดลงนี้บ่งชี้ว่า นักขุดบางส่วนกำลังลดขนาดการดำเนินงาน ซึ่งสะท้อนถึงความเครียดทางการเงินภายในชุมชนนักขุดหลังการ Havling

เมื่อนักขุดที่อ่อนแอเดินออกจากตลาดหรือลดการดำเนินงาน นักขุดที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงกว่าจะได้รับผลกำไรที่มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้การดำเนินงานของพวกเขามีเสถียรภาพและลดความจำเป็นในการขาย BTC

ตัวชี้วัดเหล่านี้บ่งชี้ว่าตลาด Bitcoin อาจใกล้มาถึงจุดต่ำสุดแล้ว ซึ่งคล้ายกับวัฏจักรรอบก่อนหน้านี้ที่นักขุดขาย Bitcoin และปรับลดการดำเนินงานก่อนที่ตลาดจะฟื้นตัว

0 2

Facebook Comments

Next Post

ผู้ค้า Bitcoin ETF แห่ “Buy the dip” เป็นตัวเลขเกือบ 300 ล้านดอลลาร์

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า การไหลเข้าสุทธิในวันจันทร์สูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน โดย BTC ETF ของ Blackrock มีมูลค่าเกือบ 190 ล้านดอลลาร์ […]