วงการคริปโตในสหรัฐฯ กำลังร้อนแรงขึ้นอีกขั้น เมื่อรัฐ Wyoming เตรียมเปิดตัว Stablecoin อย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ “WYST” ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ โดยจับมือกับโปรเจกต์ชื่อดังด้าน Interoperability อย่าง LayerZero ในฐานะพันธมิตรร่วมออกเหรียญอย่างเป็นทางการ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่หน่วยงานรัฐบาลในสหรัฐฯ เตรียมออก Stablecoin ด้วยตนเอง
ดอลลาร์เวอร์ชัน “On-Chain” จากรัฐ Wyoming
Stablecoin WYST จะถูก ตรึงมูลค่าไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ และได้รับการสนับสนุนด้วย สินทรัพย์จริงแบบ Fully Reserved ได้แก่ เงินสด, พันธบัตรรัฐบาล (U.S. Treasury Bonds) และข้อตกลงซื้อคืน (Repurchase Agreements) โดยจะมี กฎหมายรองรับให้มีการค้ำประกันมากถึง 102% เพื่อความมั่นคงเต็มรูปแบบ
ที่น่าสนใจคือ ดอกเบี้ยที่ได้จากสินทรัพย์เหล่านี้จะถูกนำมาใช้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เช่น การศึกษาและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในรัฐ
LayerZero: พันธมิตรระดับท็อปในโลกคริปโต
LayerZero ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ชั้นนำด้านการเชื่อมต่อข้ามบล็อกเชน (Interoperability Protocol) จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการออกและกระจายเหรียญ WYST โดยขณะนี้ รัฐกำลังพิจารณาบล็อกเชนทั้งหมด 9 เครือข่าย ที่จะเป็นรากฐานให้กับ WYST ซึ่งรวมถึงชื่อใหญ่อย่าง Ethereum, Solana และ Polygon
ความชัดเจนทางนโยบาย VS การเมืองภายใน
แม้จะเป็นโครงการที่น่าสนใจ แต่มีรายงานว่า Senator Cynthia Lummis ซึ่งเป็นผู้ผลักดันกฎหมายคริปโตในระดับชาติ ยังไม่เกี่ยวข้องกับแผนงานนี้โดยตรง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเคยเสนอร่างกฎหมายให้รัฐ Wyoming จัดตั้ง “Bitcoin Reserve” แต่ร่างดังกล่าวก็ถูกปัดตกในชั้นคณะกรรมาธิการ เนื่องจาก กลุ่มอนุรักษ์นิยมทางการคลังของรัฐไม่ต้องการนำเงินภาษีไปซื้อ Bitcoin
แต่โครงการ Stablecoin WYST กลับดูเหมือนจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะไม่ได้ใช้ “เงินใหม่” หรือภาษีโดยตรง แต่หวังพึ่งพาสินทรัพย์ที่รัฐมีอยู่แล้ว ซึ่งมีกว่า 31 พันล้านดอลลาร์ ในรูปแบบของพันธบัตรรัฐบาลและเงินสดภายในกองทุนของรัฐ
จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่อาจเปลี่ยนเกมการเงินภาครัฐ
การทดลองเปิดตัว Stablecoin โดยรัฐบาลรัฐครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็น ก้าวแรกที่ทรงพลังของการนำดอลลาร์ขึ้นมาอยู่บนบล็อกเชน ซึ่งอาจเป็นโมเดลต้นแบบให้กับรัฐอื่นในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่อดีตประธานาธิบดี Donald Trump ออกมาสนับสนุนว่า Stablecoin อาจเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษา “อำนาจของดอลลาร์” ไว้ในเวทีการเงินระดับโลก
credit : beincrypto , pic : cryptorank
Facebook Comments