ในวันที่ 13 มิถุนายน 2025 ตลาดการเงินทั่วโลกเผชิญกับแรงสั่นสะเทือนจากเหตุการณ์อิสราเอลเปิดฉากโจมตีสถานีวิจัยนิวเคลียร์ของอิหร่าน ส่งผลให้เกิดกระแส “เทขายความเสี่ยง” และ “หลบภัยการลงทุน” พร้อมกันทั่วกระดาน แต่สิ่งที่น่าจับตามองคือ ราคาทองคำพุ่งแรงในขณะที่บิทคอยน์กลับร่วงลง—ตอกย้ำความจริงที่ว่าแม้จะถูกขนานนามว่า “ทองคำดิจิทัล” แต่ Bitcoin ก็ยังไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัยในสายตานักลงทุน
บิทคอยน์ร่วงสวนทางทองคำ
ข้อมูลจาก CoinGecko ระบุว่า ราคาบิทคอยน์ร่วงกว่า 3.6% ลงมาแตะ $103,900 ภายในช่วงเช้าวันศุกร์ (ตามเวลาท้องถิ่น) ทันทีที่มีรายงานข่าวการโจมตีจากฝั่งอิสราเอล ในขณะเดียวกัน ทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับ $3,427.90 ต่อออนซ์ ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน และเพิ่มขึ้นกว่า 7% ภายในเดือนเดียว และพุ่งกว่า 46% ตั้งแต่ต้นปี สะท้อนให้เห็นถึงความชัดเจนของกระแส “Flight to Safety” อย่างแท้จริง
ทำไม Bitcoin ไม่ใช่ Safe Haven จริง?
แม้หลายฝ่ายจะเคยเชื่อว่า Bitcoin คือ “ทองคำยุคใหม่” ที่ป้องกันความเสี่ยงจากระบบการเงินดั้งเดิม แต่ในทางปฏิบัติ Bitcoin มักเคลื่อนไหวสอดคล้องกับหุ้นเทคโนโลยีมากกว่าทองคำ Jay Jo นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Tiger Research ระบุว่า “Bitcoin ไม่ได้แสดงพฤติกรรมของ Safe Haven ในสถานการณ์วิกฤตเสมอไป มันกลับมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับหุ้น NASDAQ ซึ่งมักได้รับผลกระทบในช่วงความไม่แน่นอน”
Stephen Wundke จาก Algoz เสริมว่า “ผู้ซื้อทองคำส่วนใหญ่ยังไม่ใช่ผู้เล่นในตลาดคริปโต พวกเขาคือนักลงทุนสาย ‘Risk-Off’ ที่พร้อมกลับไปหาทองคำเสมอเมื่อเกิดความเสี่ยงระดับภูมิรัฐศาสตร์”
กว่า $1 พันล้านถูกล้างพอร์ตไม่ใช่เพียงแต่บิทคอยน์
Altcoins อย่าง Ethereum, XRP และ Solana ต่างก็ร่วงหนัก โดยเฉพาะ Ethereum ที่ร่วงเกือบ 7.8% ใน 24 ชั่วโมง ขณะที่ยอดการล้างพอร์ต (liquidation) ทั่วตลาดคริปโตพุ่งเกิน $1 พันล้าน ภายในวันเดียว โดยส่วนใหญ่เกิดจากฝั่ง Long Position ซึ่งหมายความว่านักลงทุนส่วนมาก “มั่นใจเกินไป” ในการคาดการณ์ทิศทางตลาด
แม้ดัชนี Crypto Fear & Greed จะยังอยู่ในโซน “Greed” ที่ระดับ 61 แต่ลดลงอย่างรวดเร็วกว่า 10 จุดใน 24 ชั่วโมง และการคาดการณ์ส่วนใหญ่จากนักวิเคราะห์เชื่อว่า Bitcoin มีแนวโน้มจะ “ไม่สามารถยืนเหนือ $105,000 ได้ในระยะสั้น” และมีโอกาส “หลุดระดับ $100,000” หากความขัดแย้งในตะวันออกกลางทวีความรุนแรง
0
0
Facebook Comments