เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2020 ที่ผ่านมาได้เกิดปรากฏการณ์ Halving ของ Bitcoin ที่เราชาว Crypto ทราบกันดีว่าจะทำให้ รางวัลจากการขุด Bitcoin จากที่เคยได้รับอยู่ปกติ บล๊อคละ 12.5 จะลดลงเหลือ เพียงบล๊อคละ 6.25 ทำให้บรรดา Miner ทั้งหลาย อาจจะอยากทราบว่า เครื่องขุดที่เคยใช้อยู่จะมีรุ่นไหนรุ่ง หรือรุ่นไหนร่วงบ้าง ซึ่งในบทความนี้เราจะมาหาคำตอบกัน
การวิเคราะห์งานวิจัยล่าสุดโดยคอลัมนิสต์ 8btc Vincent He และการดำเนินงานการขุด cryptocurrency F2pool แสดงให้เห็นว่าการขุดที่ใช้เครื่องรุ่นเก่ากว่า 45 รุ่น ได้ปิดตัวลงในชั่วข้ามคืนตั้งแต่ การHalving ที่ผ่านมา (ในบทความนี้เราใช้ประโยชน์จากข้อมูลจาก Asicminervalue.com และ F2pool และรายงานการขุดของ 8Btc การใช้ Asicminervalue.com เราอ้างอิงเครื่องขุดในอัตราแลกเปลี่ยนของวันที่ (05/18/2020) และค่าไฟฟ้าที่ $ 0.05 ต่อ kWh)
F2pool กล่าวว่าอาจจะต้องรอให้ Bitcoin ราคาสูงขึ้นไปถึง 15,000 ดอลลาร์/BTC เครื่องขุดรุ่น S9 จึงจะขุดได้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นหายนะของการขายเครื่องขุด เนื่องด้วยการขายเครื่องขุดในราคาที่ต่ำมากๆ แต่ก็ยังมีผู้ที่รับซื้อไว้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของเหมืองขุดใหญ่ๆ ซึ่งอาจจะซื้อไว้เพื่อรอจะขุดอีกครั้งในเวลาที่มีราคาที่เหมาะสม หรือเพื่อขายเครื่องในราคาที่สูงขึ้นกว่าที่รับซื้อมา ในเวลาที่ Bitcoin ราคาสูงขึ้น
จากการสังเกตุในช่วงเวลาที่ผ่านมาจาก Crypto’s communities ได้พบว่า จากวันที่ 11 พฤษภาคม 2020 Bitcoin มี Hashrate อยู่ที่ 121 exahash ต่อวินาที (EH/s) และในวันที่ 15 พฤษภาคม 2020 พบว่า Hashrate อยู่ที่ 110 (EH/s) ซึ่งถือว่าลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเป็นข้อบ่งชี้ว่าอาจเกิดจากการที่เหมืองขุดที่ใช้เครื่องรุ่นเก่านั้นได้หยุดการทำงานของเครื่องแล้วเนื่องจากไม่ก่อให้เกิดผลกำไรนั้นเอง
แต่เหล่านักขุดก็ยังไม่สิ้นหวังเสียทีเดียวเพราะยังมีเครื่องขุดรุ่นที่สามารถทำกำไรได้ช่วงนี้
13 รุ่นของเครื่องขุดที่ยังทำกำไรได้ในวันนี้ หากจัดอันดับตามกำลังขุดระหว่าง 53-110 TH/s ในราคาบิทคอยน์ของวันที่ (18/05/2020) และอัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่ $ 0.05 ต่อ กิโลวัตต์ ซึ่งจะทำผลกำไรอยู่ที่ประมาณ 6-15 $ ต่อวัน ขึ้นอยู่กับจำนวนของกำลังขุดของแต่รุ่น
ที่มา : Bitcoin.com
Facebook Comments