ช่วงนี้ใครที่ติดตามข่าวเศรษฐกิจคงได้ยินข่าวเกี่ยวกับธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด (Federal Reserve) และประเด็นเรื่องการขึ้นหรือลงดอกเบี้ยกันอยู่บ่อย ๆ ล่าสุดสถานการณ์กลับมาน่าจับตามองอีกครั้ง หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดไว้มาก ทำให้หลายฝ่ายมองว่าเฟดอาจจะต้องรีบปรับลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
โดยปกติแล้วเฟดจะใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจหลายตัวมาประกอบการตัดสินใจ หนึ่งในนั้นคือ ตลาดแรงงาน ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนสุขภาพเศรษฐกิจโดยรวม ถ้าตลาดแรงงานแข็งแกร่ง เฟดก็มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้สูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่ถ้าตลาดเริ่มอ่อนแอลง นั่นเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจอาจชะลอตัวและเฟดอาจต้องลดดอกเบี้ยเพื่อประคองเศรษฐกิจ
ข้อมูลที่ออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้แสดงให้เห็นว่าการจ้างงานในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงอย่างมาก ขณะที่อัตราการว่างงานกลับพุ่งสูงขึ้นไปแตะระดับเกือบ 4 ปี ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตลาดแรงงานที่เคยแข็งแกร่งกำลังเริ่มอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
ความเห็นของสถาบันการเงิน
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่หลายแห่งก็ออกมาปรับมุมมองกันยกใหญ่
- Standard Chartered เป็นหนึ่งในสถาบันที่คาดการณ์แบบพลิกโผ โดยพวกเขาคาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยถึง 50 bps (basis points) ในการประชุมครั้งหน้า จากเดิมที่เคยคาดไว้เพียง 25 bps โดยให้เหตุผลว่าตัวเลขตลาดแรงงานล่าสุดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เฟดต้อง “ตามให้ทัน” กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
- ขณะที่ Morgan Stanley และ Deutsche Bank มองว่าถึงแม้ตัวเลขตลาดแรงงานจะอ่อนแอ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องลดดอกเบี้ยมากถึง 50 bps พวกเขามองว่าเฟดอาจจะค่อย ๆ ทยอยลดดอกเบี้ยในการประชุมหลาย ๆ ครั้งติดต่อกันมากกว่า
- ส่วน Barclays และ Bank of America ก็เริ่มปรับมุมมองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดย Barclays คาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุมที่เหลือทั้งหมดของปีนี้ ขณะที่ Bank of America คาดว่าจะลด 25 bps ในเดือนกันยายนและธันวาคม
ตลาดมองยังไง ?
สำหรับนักลงทุนในตลาด การลดดอกเบี้ยเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อสินทรัพย์ต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ชี้ให้เห็นว่าตลาดส่วนใหญ่ยังคงคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเพียง 25 bps โดยมีโอกาสสูงถึง 90% และมีเพียง 10% เท่านั้นที่มองว่าจะมีการลดดอกเบี้ยถึง 50 bps
ดังนั้น การประชุมของเฟดในครั้งหน้า (วันที่ 16-17 กันยายน) จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ เพราะการตัดสินใจของเฟดจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินอย่างแน่นอน
Facebook Comments