Ric Edelman ผู้เขียนหนังสือการเงินชื่อดังและนักลงทุนมากประสบการณ์ ออกมาแสดงความเห็นอย่างมั่นใจว่า Bitcoin (BTC) มีแนวโน้มพุ่งแตะ $500,000 ภายในปี 2030 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 350% จากราคาปัจจุบัน

ในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดกับ Natalie Brunell เขาเผยว่าตลาดคริปโตวันนี้ไม่เหมือนอดีตอีกต่อไป เพราะตอนนี้มีนักลงทุนระดับใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ สถาบันการเงิน หรือกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

“ผมไม่คิดว่าเราจะได้เห็นการร่วงหนักแบบ 70%-80% อีกแล้ว อาจจะยังมีการย่อตัวแรงระดับ 40%-50% อยู่บ้าง แต่ตอนนี้มีนักลงทุนที่ ‘ฉลาด’ จำนวนมาก เมื่อราคาลงแรง พวกเขาจะมองว่านี่คือโอกาสในการเข้าซื้อทันที ซึ่งจะช่วยสร้าง ‘เบาะนุ่ม ๆ’ ช่วยให้ราคาหยุดร่วงลงได้เร็ว” — Edelman กล่าว

เขายังเสริมว่าการที่ Bitcoin เริ่มเข้าสู่พอร์ตการลงทุนของคนทั่วไป แม้จะแค่ 1% ก็เพียงพอแล้วที่จะดันราคาขึ้นไปมหาศาล

สูตรคำนวณแบบง่ายๆ แต่ทรงพลัง

Edelman อธิบายเหตุผลที่เขาเชื่อมั่นในเป้าหมาย $500,000 ว่า

“มูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดในโลก ทั้งหุ้น พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ น้ำมัน ฯลฯ รวมกันอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านล้านดอลลาร์
ถ้าเจ้าของสินทรัพย์เหล่านี้จัดสรรเพียง 1% ของพอร์ตมาใส่ Bitcoin นั่นจะเท่ากับเงินไหลเข้าราว 8 ล้านล้านดอลลาร์
และถ้าเกิดขึ้นจริง Bitcoin จะมีมูลค่าประมาณ $500,000 ต่อเหรียญ”

แม้บางคนอย่าง Michael Saylor จะตั้งเป้าถึง $5 ล้านต่อ BTC แต่ Edelman บอกว่าของเขาเป็นคนที่มองโลกโดยอิงกับข้อมูลจริง

credit : dailyhodl

The post Ric Edelman ผู้เขียนหนังสือขายดี ย้ำเป้า Bitcoin ที่ $500,000 appeared first on Crypto News.

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ส่งจดหมายไปยัง 14 ประเทศ แจ้งว่าจากวันที่ 1 สิงหาคมนี้ สหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีสินค้าจากประเทศเหล่านี้ในอัตราที่สูงขึ้น โดยอ้างว่าเป็นการปรับสมดุลทางการค้าระหว่างสองประเทศ ซึ่งจะยังคงอยู่ภายใต้การปรับเปลี่ยนตามความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ

ประเทศที่ได้รับจดหมาย ได้แก่ ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, คาซัคสถาน, แอฟริกาใต้, ลาว, พม่า, บอสเนีย, ตูนิเซีย, อินโดนีเซีย, บังกลาเทศ, เซอร์เบีย, กัมพูชา และไทย ซึ่งการเก็บภาษีจะเริ่มต้นที่ 25% ไปจนถึงสูงสุด 40% ขึ้นอยู่กับประเทศนั้นๆ โดยลาวและพม่าได้รับอัตราภาษีสูงสุดที่ 40% ขณะที่ประเทศอื่นๆ จะได้รับภาษีที่แตกต่างกันไป

ทรัมป์กล่าวว่า “ถ้าหากประเทศใดมีการปรับอัตราภาษีของตัวเองขึ้นไป จะต้องเพิ่มอัตราภาษีอีก 25% ตามที่เรากำหนด” นอกจากนี้เขายังระบุว่า “สินค้าที่ถูกส่งผ่านประเทศที่สามเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีจะถูกเก็บภาษีตามอัตราที่สูงกว่า”

ในส่วนของประเทศที่ได้รับผลกระทบจะมีเวลาเพิ่มขึ้นจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม ก่อนที่อัตราภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้ โดยทำให้ตลาดการเงินในวันนั้นตกลงอย่างเห็นได้ชัด โดย Dow Jones ลดลงไปถึง 422.17 จุด ขณะที่ S&P 500 และ Nasdaq ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน

เหตุผลที่ทรัมป์ออกมาตรการนี้ก็เพื่อลดช่องว่างการขาดดุลทางการค้าที่เขามองว่าเป็นปัญหามายาวนาน โดยเขาเชื่อว่าอัตราภาษีใหม่นี้จะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ สามารถแข่งขันได้ดีกับประเทศที่กำลังส่งออกสินค้าหลายประเภท เช่น รถยนต์, อิเล็กทรอนิกส์, และวัสดุโลหะ

ถึงแม้หลายประเทศจะไม่เห็นด้วยกับมาตรการนี้ แต่ทรัมป์ก็ยังยืนยันว่า “ถ้าประเทศเหล่านี้พร้อมที่จะยกเลิกภาษีและนโยบายที่จำกัดการค้าของเรา สหรัฐฯ ก็อาจจะพิจารณาปรับลดอัตราภาษีได้”

การดำเนินการนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆ แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางการค้าและการปฏิบัติของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกทั้งในและต่างประเทศในระยะยาว

ท้ายที่สุด ทรัมป์ก็ไม่พลาดที่จะทิ้งข้อความไว้ว่า “คุณจะไม่ผิดหวังกับประเทศสหรัฐอเมริกา” ท่ามกลางการเจรจาทางการค้าครั้งใหม่ที่รออยู่ข้างหน้า

credit : cryptopolitan

The post ทรัมป์ส่งจดหมายแจ้งประเทศต่างๆ พร้อมตั้งอัตราภาษีใหม่ เริ่มตั้งแต่ 1 ส.ค. นี้! appeared first on Crypto News.

James Check หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Glassnode ได้ออกโรงเตือนว่า “กลยุทธ์คลังสมบัติบิทคอยน์ (Bitcoin Treasury Strategy)” ของหลายบริษัท อาจเข้าสู่ช่วงอิ่มตัว และกำไรที่เคยเห็นในอดีตอาจไม่สามารถทำซ้ำได้อีกในอนาคต

Check ชี้ว่า บริษัทที่เริ่มสะสม Bitcoin ในช่วงแรก ๆ อย่างเช่น Strategy ของ Michael Saylor ที่ถือครองเกือบ 600,000 BTC กำลังได้เปรียบอย่างมาก ขณะที่บริษัทใหม่ ๆ ที่เพิ่งเข้ามาอาจเผชิญกับความยากลำบากในการสร้างความแตกต่าง และได้รับการประเมินมูลค่าสูงกว่ามูลค่าทางบัญชี (premium)

ตลาดกำลังเข้าสู่ “เฟสพิสูจน์ตัวเอง”

Check เตือนว่าเราเข้าสู่ “Show Me Phase” หรือช่วงที่นักลงทุนต้องการเห็นผลลัพธ์จริง ไม่ใช่แค่แผนการถือครอง BTC ธรรมดา เพราะจำนวนบริษัทที่ถือ BTC เพิ่มขึ้นมากในเวลาอันสั้น ข้อมูลจาก BitcoinTreasuries เผยว่า มีบริษัทใหม่อย่างน้อย 21 แห่งที่เริ่มถือ BTC ภายในเดือนที่ผ่านมา

นักลงทุนรายย่อยมีเงินจำกัด

แม้จะมีแรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อย แต่ Check เตือนว่า “พวกเขาไม่ได้มีเงินไม่จำกัด” และจะไม่สามารถรองรับบริษัทจำนวนมากที่ลอกเลียนแบบกลยุทธ์เดียวกัน

ด้าน Udi Wizardheimer ผู้ร่วมก่อตั้ง Taproot Wizards เสริมว่า บริษัทจำนวนมากที่เข้าสู่ตลาดนี้ ไม่ได้มีความเชื่อมั่นระยะยาวในคริปโต แต่เพียงแค่มองเห็นโอกาสทำเงินในระยะสั้น

กลยุทธ์ระยะยาวถูกตั้งคำถาม

บริษัทร่วมลงทุนอย่าง Breed ระบุในรายงานเมื่อ 29 มิถุนายนว่า บริษัทที่ไม่มีแนวทางชัดเจนอาจเข้าสู่ “วงจรความตาย” (Death Spiral) ซึ่งราคาหุ้นจะค่อย ๆ ลดลงจนเท่ากับมูลค่า Bitcoin ที่ถือครองอยู่นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า VanEck และสำนักงานกฎหมายในนิวยอร์กอย่าง Pomerantz LLP ได้แสดงความกังวลต่อกลยุทธ์ของบางบริษัท โดยเฉพาะกรณีของ Strategy ที่ขณะนี้ถูกฟ้องร้องว่าหลอกลวงนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงของกลยุทธ์การลงทุนใน Bitcoin

Credit : cryptonews.com

The post ผู้เชี่ยวชาญ Glassnode เตือน กลยุทธ์สะสมบิทคอยน์ของบริษัทอาจถึงทางตัน appeared first on Crypto News.

ธนาคารระดับโลก Standard Chartered ได้ออกมาฟันธงอย่างมั่นใจว่า Bitcoin มีโอกาสแตะ $200,000 ภายในสิ้นปีนี้ โดยให้เหตุผลสำคัญ 3 ข้อคือ เงินไหลเข้าจากกองทุน ETF อย่างต่อเนื่อง การเข้าซื้อของบริษัทใหญ่ที่เพิ่มขึ้น และนโยบายภาครัฐที่เป็นมิตรกับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นเรื่อย ๆ

Geoffrey Kendrick หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของธนาคาร ระบุว่าราคา Bitcoin อาจแตะ $135,000 ภายในไตรมาส 3 ก่อนพุ่งต่อทะลุ $200,000 ภายในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ โดยเชื่อว่าปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ ๆ เหล่านี้มีพลังมากพอจะลบล้างวัฏจักรเดิมที่เคยเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ Halving ได้อย่างสิ้นเชิง

ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา Bitcoin จำนวนกว่า 245,000 BTC ได้ถูกซื้อเข้าโดยกองทุน ETF และบริษัทมหาชน ซึ่งถือเป็นการดูดซับแรงขายออกจากตลาดครั้งใหญ่ Kendrick เชื่อว่าแรงซื้อนี้จะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะบริษัทหน้าใหม่ที่ไม่ใช่ MicroStrategy เองก็เริ่มเข้ามาซื้อในปริมาณที่สูงถึง 56,000 BTC ซึ่งเกือบเทียบเท่ากับการสะสมของ Michael Saylor เลยทีเดียว

ข้อมูลยังชี้ให้เห็นว่า ในไตรมาสที่ผ่านมา ETF ที่ลงทุนใน Bitcoin มีเงินไหลเข้าเหนือกว่า ETF ทองคำ แม้จะเป็นช่วงที่สถานการณ์ในตะวันออกกลางตึงเครียด นี่เป็นสัญญาณว่า Bitcoin เริ่มได้รับการมองว่าเป็น “สินทรัพย์มหภาค” ที่น่าเชื่อถือในระดับเดียวกับทองคำแล้ว

อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญที่ Kendrick ชี้ไว้คือ แนวนโยบายภาครัฐ โดยเฉพาะความเป็นไปได้ที่อดีตประธานาธิบดี Donald Trump จะประกาศชื่อผู้แทนที่จะมารับตำแหน่งประธาน Fed คนใหม่ก่อนกำหนด ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดเร่งคาดการณ์การลดดอกเบี้ย และหนุนให้ราคาสินทรัพย์อย่าง Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ กฎหมาย Stablecoin ฉบับใหม่ที่ชื่อว่า GENIUS Bill ซึ่งกำลังรอการผ่านสภา อาจเป็นแรงผลักดันสำคัญที่เปิดประตูให้คนทั่วไปเข้าถึงเงินดอลลาร์บนบล็อกเชนได้มากขึ้น และจะทำให้กระแสเงินไหลเข้าสู่ Bitcoin จากฝั่งผู้บริโภคทั่วไปเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

Kendrick ยังกล่าวปิดท้ายว่า หากทุกอย่างดำเนินไปตามคาด Bitcoin จะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการพุ่งขึ้นกว่า $92,000 ภายใน 6 เดือน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นของมูลค่าสูงสุดในช่วงครึ่งปีหลังนับตั้งแต่ Bitcoin ถือกำเนิดมา

credit : theblock

The post Standard Chartered ฟันธง! Bitcoin พุ่งแตะ $200,000 สิ้นปีนี้ แรงหนุนจาก ETF, บริษัท และนโยบายทรัมป์ appeared first on Crypto News.

Rex Shares จับมือกับ Osprey Funds เตรียมเปิดตัว ETF ตัวใหม่สุดล้ำ ที่ให้นักลงทุนในสหรัฐฯ เข้าถึงเหรียญ Solana พร้อมรับผลตอบแทนจากการ Staking ได้โดยตรง ถือเป็นกองทุน ETF แรกของอเมริกาที่ให้รางวัลจากการวางเดิมพันเหรียญบนเชน (on-chain staking) ได้จริง โดยกองทุนนี้ใช้ชื่อว่า “Rex-Osprey Solana + Staking ETF” และจะเริ่มเปิดเทรดในวันพุธนี้ตามที่ทีมงานยืนยันกับสื่อ Decrypt

ตัวกองทุนจะถือครองเหรียญ SOL ผ่านบริษัทลูกในหมู่เกาะเคย์แมน และมีแผนจะนำเหรียญอย่างน้อย 50% ไปวาง Staking เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับนักลงทุน นอกจากนี้ โครงสร้างของ ETF ตัวนี้ยังแตกต่างจาก Spot ETF ปกติ เพราะจดทะเบียนภายใต้กฎหมาย Investment Company Act และเสียภาษีแบบบริษัท C-corp ซึ่งอาจช่วยให้บริหารจัดการผลตอบแทนจากภาษีได้ดีกว่า

แม้ในตอนนี้จะมีอีกอย่างน้อย 9 กองทุน Spot Solana ETF ที่อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก SEC แต่กองทุนของ Rex และ Osprey นี้ถือว่า “เปิดเกมนำ” และน่าจับตามองในฐานะ ETF คริปโตสาย Staking ตัวแรกในสหรัฐฯ ที่พร้อมให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ผลตอบแทนมากกว่าแค่การถือเหรียญเฉย ๆ นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่การลงทุนในคริปโตผ่าน ETF จะไม่ใช่แค่เรื่องของราคา แต่รวมถึงรายได้ที่สร้างได้จากการใช้งานเครือข่ายด้วย

credit : decrypt

The post Rex-Osprey เตรียมเปิด ETF Solana ตัวแรกในสหรัฐฯ พร้อมรับผลตอบแทน Staking appeared first on Crypto News.

Changpeng Zhao หรือ CZ ผู้ก่อตั้ง Binance ออกมายืนยันอีกครั้งว่า Binance ไม่เคยถอด XRP ออกจากลิสต์แม้แต่ช่วงที่ Ripple กำลังโดนฟ้องจาก SEC สหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2020 โดยระบุชัดบนแพลตฟอร์ม X ว่า “We never delisted XRP” พร้อมย้ำว่าแม้หลายแพลตฟอร์มในอเมริกา เช่น Coinbase, Kraken และ eToro จะหยุดซื้อขาย XRP ไปเพื่อเลี่ยงแรงกดดันจากหน่วยงานรัฐ แต่ Binance Global ไม่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน ทำให้สามารถเทรด XRP ได้ตามปกติตลอดช่วงการฟ้องร้อง

XRP ถือเป็นเหรียญหลักที่มียอดเทรดสูงใน Binance ส่งผลให้การคงลิสต์ XRP ไว้ เป็นทั้งทางธุรกิจและกลยุทธ์สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้ทั่วโลก นักวิเคราะห์ของ Binance เองก็ชี้ว่า ถ้าเอา XRP ออกจะกระทบผู้ใช้มากกว่าช่วยลดความเสี่ยง แถมยังทำให้ Binance กลายเป็นแหล่งเทรด XRP อันดับ 1 ของโลกแบบไม่ต้องสงสัย

ด้าน Ripple เอง แม้จะผ่านศึกใหญ่ในศาล แต่ยังเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่งประกาศ mint เหรียญ stablecoin “RLUSD” ไปแล้วกว่า 12 ล้านเหรียญ โดยมีแผนผลักดันไปสู่การใช้งานจริงในระดับสถาบัน และกลุ่มการเงินดั้งเดิม เช่น Ondo Finance และ Guggenheim ที่เริ่มให้ความสนใจ XRPL เพื่อนำมาออกสินทรัพย์โทเคนที่มีสินทรัพย์จริงรองรับ

ที่มา : ลิงก

The post Binance ไม่เคยถอด XRP ออกจากลิสต์! CZ ย้ำ “เราหนุนหลัง XRP ตลอดทาง” appeared first on Crypto News.

รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้อนุมัติให้ประชาชนสามารถใช้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์ในการยื่นขอสินเชื่อบ้านได้โดยไม่ต้องแปลงเป็นเงินสดก่อน ตามนโยบายใหม่ที่ออกโดยสำนักงานกำกับดูแลการเงินที่อยู่อาศัยแห่งสหรัฐฯ (FHFA)

คำสั่งนี้ลงนามโดย William J. Pulte ผู้อำนวยการ FHFA และเปิดทางให้สองสถาบันสินเชื่อบ้านรายใหญ่ของรัฐบาลกลางอย่าง Fannie Mae และ Freddie Mac ยอมรับคริปโตเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่ใช้ประเมินความสามารถในการกู้ซื้อบ้านได้ โดยมีเงื่อนไขว่า สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นต้องอยู่ในแพลตฟอร์มเทรดที่ได้รับอนุญาตในสหรัฐฯ และสามารถตรวจสอบการถือครองได้ชัดเจน

FHFA กำหนดให้ Fannie Mae และ Freddie Mac ต้องวางระบบควบคุมความเสี่ยงเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับความผันผวนของราคาเหรียญดิจิทัล และต้องแน่ใจว่าสัดส่วนคริปโตในสินทรัพย์ของผู้กู้จะไม่กระทบต่อมาตรฐานการปล่อยกู้ในปัจจุบัน โดยทั้งสองสถาบันจะต้องเสนอแผนจัดการความเสี่ยงต่อคณะกรรมการ และรอการอนุมัติรอบสุดท้ายจาก FHFA ก่อนนำไปใช้งานจริง

Pulte ระบุผ่านโพสต์ใน X ว่า แนวทางใหม่นี้เดินตามเป้าหมายของประธานาธิบดีทรัมป์ในการผลักดันให้สหรัฐฯ กลายเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก ขณะที่ Michael Saylor ประธานบริษัท MicroStrategy ก็ร่วมแสดงความยินดีต่อก้าวสำคัญนี้ผ่านช่องทางเดียวกัน

Michael Saylor ซีอีโอ MicroStrategy แสดงความคิดเห็นผ่าน X ว่า “วันนี้คือจุดเริ่มต้นของการที่ Bitcoin จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของความฝันแบบอเมริกันอย่างแท้จริง”

The post สหรัฐฯ ปฏิวัติวงการสินเชื่อบ้าน! หนุนใช้คริปโตฯ เป็นหลักทรัพย์ยื่นกู้ ไม่ต้องแปลงเป็นเงินสด appeared first on Crypto News.

เช้าวันอังคารนี้ ตลาดคริปโทฯ กลับมาสดใสอีกครั้งแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ผ่าน Truth Social ว่าอิสราเอลกับอิหร่านตกลง “หยุดยิงอย่างสมบูรณ์” เรียบร้อยแล้ว! เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับ 11 โมงเช้าของไทยพอดี

ข่าวดีระดับโลกนี้จุดประกายความหวังในตลาดคริปโตอย่างแรง ราคาบิตคอยน์ที่เคยร่วงหนักลงไปแตะ 98,200 ดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้า ตอนนี้เด้งกลับขึ้นมาแรงทะลุ 106,000 ดอลลาร์ ก่อนจะย่อตัวมาหายใจหายคอที่ประมาณ 105,300 ดอลลาร์ ณ เวลารายงาน

ฝั่ง Ethereum ก็ไม่ยอมน้อยหน้า วิ่งขึ้นแรงถึงเกือบ 8% ไปแตะที่ 2,409 ดอลลาร์ แบบไม่มองหลัง ขณะที่เหรียญดังตัวอื่น ๆ อย่าง XRP พุ่ง 7.21%, BNB ขยับขึ้น 3.60%, Solana นำโด่งด้วยตัวเลขแรงถึง 8.46% ทะลุระดับ 143 ดอลลาร์ Dogecoin ก็โชว์ฟอร์มไม่แพ้กัน บวกไป 7.65% และ Cardano ปิดท้ายที่ +7.10%

บรรยากาศฟื้นตัวรอบนี้สะท้อนว่าตลาดเริ่มกลับมากล้าอีกครั้ง นักลงทุนหลายคนหันกลับมาเสี่ยงกันอีกรอบ สอดคล้องกับดัชนีความกลัวและความโลภที่ตอนนี้กลับมาสู่โซน “โลภ” ที่คะแนน 65 เพิ่มจากเมื่อวานที่ยังลังเลอยู่กลางทาง

ตอนนี้มูลค่ารวมของตลาดคริปโทฯ พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 3.25 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.2% ภายในแค่วันเดียว ส่วนปริมาณเทรดก็เด้งขึ้นมาด้วยเช่นกัน ทะลุ 1.44 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 3.29%

ฝั่ง Bitcoin ยังคงเป็นเจ้าตลาดแบบไร้คู่แข่ง ถือครองส่วนแบ่งตลาดที่ 64.5% ตามมาด้วย Ethereum ที่ 9.0% ตัวเลขเหล่านี้บอกชัดเจนว่า กระแสเงินเริ่มไหลกลับเข้ามาสู่คริปโตอีกครั้ง หลังสถานการณ์โลกเริ่มคลี่คลาย

The post เช้านี้ไม่แดง! คริปโตเขียวรับข่าวดี “หยุดยิง” ตลาดโล่งใจ Bitcoin ทะยาน appeared first on Crypto News.

เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาได้เปิดฉากโจมตีอิหร่านอย่างเป็นทางการ โดยมุ่งเป้าไปที่โรงงานนิวเคลียร์หลัก 3 แห่ง ได้แก่ Fordo, Natanz และ Isfahan ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมของอิหร่าน

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมายืนยันการปฏิบัติการผ่าน Truth Social พร้อมระบุว่า “เป็นการโจมตีที่ประสบความสำเร็จ และหากมีการตอบโต้ใดๆ จากอิหร่าน การโต้กลับจะรุนแรงยิ่งกว่าเดิมและทำได้ง่ายกว่านี้มาก”

ท่ามกลางความตึงเครียดที่พุ่งสูงทันที ตลาดคริปโตเกิดแรงเทขายในวงกว้าง

– Bitcoin ร่วงทันทีกว่า 4% ภายในไม่กี่นาทีหลังข่าวแพร่กระจาย

– Ethereum และ Altcoins หลายตัวตกตามกันไปแบบเรียลไทม์

นักลงทุนแห่ย้ายสินทรัพย์กลับสู่ Stablecoin และทองคำดิจิทัล

ทางด้านอิหร่าน รัฐมนตรีต่างประเทศ Abbas Araghchi ออกมาตอบโต้ทันทีว่า “นี่คือการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง” พร้อมประกาศว่า อิหร่าน “ขอสงวนสิทธิ์ในการตอบโต้ตามมาตราแห่งการป้องกันตัวตามกฎบัตรสหประชาชาติ”

ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ที่ยืดเยื้อมานาน 9 วัน ดูเหมือนจะเข้าสู่จุดเดือด เมื่อสหรัฐฯ ก้าวเข้ามามีบทบาทโดยตรง ทำให้นักวิเคราะห์เริ่มคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ของ “สงครามในตะวันออกกลาง” ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลก และแน่นอน – ตลาดคริปโตจะต้องเผชิญกับความผันผวนครั้งใหญ่อีกระลอก

CryptoNews จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และอัปเดตทุกความเคลื่อนไหวที่อาจส่งผลต่อพอร์ตของคุณ

The post สหรัฐฯ ถล่มโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน 3 แห่ง – ตลาดคริปโตร่วงทันทีหลังทรัมป์ออก แถลงการณ์ appeared first on Crypto News.

Anthony Scaramucci ผู้ก่อตั้ง SkyBridge Capital สร้างความฮือฮาในงานประชุม DigiAssets 2025 ด้วยการออกมาประกาศชัดว่า “SOL จะพลิกแซง ETH” แม้จะย้ำว่าไม่ได้มีมุมมองในทางลบต่อ Ethereum แต่เขาเลือกจะหนุนฝั่ง Solana เพราะรู้สึกว่าเข้าใจเรื่องราวและแนวทางของโปรเจกต์นี้ได้ดีกว่า โดยเฉพาะในมุมมองของการใช้งานจริงและศักยภาพในการเติบโตในอนาคต

เขาเล่าว่าตนเริ่มลงทุนในคริปโตตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งถือว่ามาค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับนักลงทุนรายใหญ่คนอื่น ๆ แต่แม้จะไม่ได้เป็นแฟน Ethereum โดยตรง เขาก็ไม่เคยแสดงความเห็นในแง่ลบต่อมัน เพียงแต่อธิบายว่า Solana มีจุดที่ทำให้เขา “เข้าใจง่ายกว่า” และนั่นคือเหตุผลที่ SkyBridge ตัดสินใจลงเงินก้อนใหญ่ในโปรเจกต์นี้ โดยเขาเปิดเผยว่า SkyBridge มีเงินลงทุนในคริปโตระดับ “เก้าหลัก” อยู่ใน Bitcoin และ Solana บนงบดุลของบริษัท และยังมีอีกกว่า 40% ของพอร์ตการลงทุนลูกค้าในสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ เช่น Multicoin Capital, Brevan Howard Digital รวมถึงกองทุนแบบ fund of funds ที่มีมูลค่าราว 300 ล้านดอลลาร์ โดยลงทุนในเหรียญอย่าง Solana, Avalanche, Polkadot และ Bitcoin

อย่างไรก็ตาม ความเห็นของ Scaramucci ขัดแย้งกับธนาคารใหญ่ระดับโลกอย่าง Standard Chartered ที่เพิ่งออกบทวิเคราะห์เมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยระบุว่า Solana จะมีผลงานที่ด้อยกว่า Ethereum ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการประเมินที่สวนทางกับความเชื่อมั่นของ Scaramucci ที่มองว่า Solana กำลังเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งและมีแนวโน้มจะไล่ทันหรือแม้กระทั่งแซง Ethereum ได้ในที่สุด

ในแง่ของราคา แม้ Solana จะเคยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 293.31 ดอลลาร์เมื่อต้นปี 2025 แต่ล่าสุดได้ร่วงลงมาอยู่ที่ประมาณ 145 ดอลลาร์ ขณะที่ Ethereum ลดลงเหลือราว 2,526 ดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่า Solana ลดลงไปราว 23.2% ส่วน Ethereum ลดลงราว 24.75% ในช่วงเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม มูลค่าตลาดของ Ethereum ยังคงทิ้งห่าง โดยอยู่ที่ประมาณ 304 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ Solana อยู่ที่เพียง 76 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น

Scaramucci ยังได้แสดงความคิดเห็นถึงบริษัทที่ออกตราสารหนี้เพื่อนำเงินมาซื้อ Bitcoin ว่าเขา “ไม่ชอบแนวทางนี้” พร้อมเปรียบเปรยว่าเป็นพฤติกรรมที่คล้ายกับกระแส SPAC ที่เคยเกิดขึ้นในวงการการเงิน ซึ่งเขามองว่าแนวทางดังกล่าวอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และเสถียรภาพของ Bitcoin ในระยะยาว

แม้จะยังไม่มีการระบุช่วงเวลาที่ชัดเจนว่า Solana จะสามารถพลิกแซง Ethereum ได้เมื่อใด แต่มุมมองของ Scaramucci สะท้อนถึงแนวโน้มใหม่ที่นักลงทุนสถาบันเริ่มหันมาให้ความสนใจกับบล็อกเชนที่มีความเร็วสูงและต้นทุนต่ำอย่าง Solana มากขึ้น ในขณะที่ Ethereum กำลังเผชิญแรงกดดันจากค่าธรรมเนียมที่สูงและความซับซ้อนในการใช้งานบางด้านในระดับโครงสร้าง

credit : decrypt , pic : theatlantic

The post Anthony Scaramucci ฟันธง “Solana จะพลิกแซง Ethereum” แม้สวนทางมุมมองจากธนาคารยักษ์ใหญ่ appeared first on Crypto News.