ราคาบิทคอยน์ซื้อขายต่ำกว่า $84,000 ในวันที่ 29 มีนาคม ทดสอบแนวรับท่ามกลางแรงขายที่เพิ่มขึ้น

การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากราคาร่วงลงอย่างรวดเร็วภายในวันถึง 3.1% โดยแตะระดับต่ำสุดที่ $83,696 นักวิเคราะห์ทางเทคนิคเตือนว่าอาจมีการปรับตัวลดลงเพิ่มเติม

ในโพสต์บน X นักเทรดระดับตำนาน ปีเตอร์ แบรนดต์ ระบุว่าบิทคอยน์อาจร่วงต่ำกว่า $70,000

เขาตอบสนองต่อการวิเคราะห์ของนักเทรดรายอื่นที่ชี้ให้เห็นว่า BTC กำลังเผชิญแนวต้านแข็งแกร่งใกล้ระดับ $90,000 พร้อมกับรูปแบบลิ่มขาขึ้น (Rising Wedge) ซึ่งโดยทั่วไปเป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลง เมื่อถูกถามว่าบิทคอยน์อาจเสียแนวรับที่ $70K หรือไม่ แบรนดต์ตอบว่า

“ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้”

แพทเทิร์นลิ่มขาขึ้นไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่น่ากังวล ราคาบิทคอยน์ยังแสดงสัญญาณของการเบรกแนวต้านและทดสอบซ้ำที่ระดับ $89,000 ซึ่งเป็นเส้น neckline ของรูปแบบ “Double Top” ที่จุดสูงสุด $108,675 สิ่งนี้เพิ่มน้ำหนักให้กับแนวโน้มขาลงในระยะสั้น

นักวิเคราะห์เทคนิคชื่อดังบนแพลตฟอร์ม X อย่าง Crypto Chase ระบุว่าบิทคอยน์ต้องรักษาระดับแนวรับที่ $85,270 หากไม่สามารถทำได้ เขาเตือนถึงโอกาสเกิดสัญญาณชอร์ต (Short Setup) ที่อาจทำให้ราคาร่วงลงสู่ $80,000

เนื่องจากมีสภาพคล่องสะสมในบริเวณดังกล่าว โดยเขาโพสต์ว่า

“ต้องสู้หรือตาย… บิทคอยน์ต้องยืนเหนือโซน FVG / จุดสูงสุดเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน… ถ้าหลุด ก็จบ”

นอกจากนี้ ค่ากลางเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) 200 วัน ยังกลับมาเป็นแนวต้านอีกครั้ง ซึ่งทำให้นักเทรดจับตาการปิดแท่งเทียนรายวันเพื่อยืนยันแนวโน้มขาลงต่อไป

Credit : thecoinrepublic.com , pic : The Independent

The post บิทคอยน์ไหวตามแผ่นดิน! ดิ่งต่ำ $84,000 นักเทรดระทึก เสี่ยงหลุด $70,000 appeared first on Crypto News.

วงการคริปโตในสหรัฐฯ กำลังร้อนแรงขึ้นอีกขั้น เมื่อรัฐ Wyoming เตรียมเปิดตัว Stablecoin อย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ “WYST” ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ โดยจับมือกับโปรเจกต์ชื่อดังด้าน Interoperability อย่าง LayerZero ในฐานะพันธมิตรร่วมออกเหรียญอย่างเป็นทางการ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่หน่วยงานรัฐบาลในสหรัฐฯ เตรียมออก Stablecoin ด้วยตนเอง

ดอลลาร์เวอร์ชัน “On-Chain” จากรัฐ Wyoming

Stablecoin WYST จะถูก ตรึงมูลค่าไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ และได้รับการสนับสนุนด้วย สินทรัพย์จริงแบบ Fully Reserved ได้แก่ เงินสด, พันธบัตรรัฐบาล (U.S. Treasury Bonds) และข้อตกลงซื้อคืน (Repurchase Agreements) โดยจะมี กฎหมายรองรับให้มีการค้ำประกันมากถึง 102% เพื่อความมั่นคงเต็มรูปแบบ

ที่น่าสนใจคือ ดอกเบี้ยที่ได้จากสินทรัพย์เหล่านี้จะถูกนำมาใช้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เช่น การศึกษาและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในรัฐ

LayerZero: พันธมิตรระดับท็อปในโลกคริปโต

LayerZero ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ชั้นนำด้านการเชื่อมต่อข้ามบล็อกเชน (Interoperability Protocol) จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการออกและกระจายเหรียญ WYST โดยขณะนี้ รัฐกำลังพิจารณาบล็อกเชนทั้งหมด 9 เครือข่าย ที่จะเป็นรากฐานให้กับ WYST ซึ่งรวมถึงชื่อใหญ่อย่าง Ethereum, Solana และ Polygon

ความชัดเจนทางนโยบาย VS การเมืองภายใน

แม้จะเป็นโครงการที่น่าสนใจ แต่มีรายงานว่า Senator Cynthia Lummis ซึ่งเป็นผู้ผลักดันกฎหมายคริปโตในระดับชาติ ยังไม่เกี่ยวข้องกับแผนงานนี้โดยตรง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเคยเสนอร่างกฎหมายให้รัฐ Wyoming จัดตั้ง “Bitcoin Reserve” แต่ร่างดังกล่าวก็ถูกปัดตกในชั้นคณะกรรมาธิการ เนื่องจาก กลุ่มอนุรักษ์นิยมทางการคลังของรัฐไม่ต้องการนำเงินภาษีไปซื้อ Bitcoin

แต่โครงการ Stablecoin WYST กลับดูเหมือนจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะไม่ได้ใช้ “เงินใหม่” หรือภาษีโดยตรง แต่หวังพึ่งพาสินทรัพย์ที่รัฐมีอยู่แล้ว ซึ่งมีกว่า 31 พันล้านดอลลาร์ ในรูปแบบของพันธบัตรรัฐบาลและเงินสดภายในกองทุนของรัฐ

จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่อาจเปลี่ยนเกมการเงินภาครัฐ

การทดลองเปิดตัว Stablecoin โดยรัฐบาลรัฐครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็น ก้าวแรกที่ทรงพลังของการนำดอลลาร์ขึ้นมาอยู่บนบล็อกเชน ซึ่งอาจเป็นโมเดลต้นแบบให้กับรัฐอื่นในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่อดีตประธานาธิบดี Donald Trump ออกมาสนับสนุนว่า Stablecoin อาจเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษา “อำนาจของดอลลาร์” ไว้ในเวทีการเงินระดับโลก

credit : beincrypto , pic : cryptorank

The post รัฐไวโอมิงของสหรัฐอเมริกากำลังเปิดตัว Stablecoin ของตัวเองที่เรียกว่า WYST appeared first on Crypto News.

กระเป๋าเงินที่เชื่อมโยงกับ Mt. Gox เริ่มมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยมีการโอน Bitcoin จำนวน 11,502 BTC หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ภายในชั่วโมงที่ผ่านมา ตามข้อมูลจาก Arkham Intelligence ซึ่งในจำนวนดังกล่าว มี Bitcoin มูลค่า 927 ล้านดอลลาร์ถูกฝากเข้าไปยังกระเป๋าปลายทางที่ไม่รู้จัก ซึ่งขึ้นต้นด้วย “1DcoAJ”

การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ราคา Bitcoin พุ่งแตะระดับ $87,000 โดยข้อมูลจาก CoinGecko ชี้ว่าราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นประมาณ 2% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

แม้ Mt. Gox จะล่มสลายไปแล้ว แต่ยังคงถือครอง Bitcoin จำนวนกว่า 35,583 BTC ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์อยู่ในกระเป๋าของตน

การทำธุรกรรมล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Mt. Gox เคยมีการโอน Bitcoin จำนวนเล็กกว่าคือ 332 BTC มูลค่าประมาณ 26 ล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ไปยังที่อยู่ที่ไม่รู้จักเช่นกัน ซึ่งความเคลื่อนไหวของกระเป๋า Mt. Gox ยังคงเป็นที่จับตาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกระบวนการชดเชยเหรียญให้กับผู้ใช้เดิมยังไม่เสร็จสิ้นทั้งหมด

ทั้งนี้ Mt. Gox ได้ประกาศขยายกำหนดเส้นตายการจ่ายเงินคืนแบบสมบูรณ์จากเดิมในวันที่ 31 ตุลาคม 2024 ไปเป็นวันที่ 31 ตุลาคม 2025 โดยให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบและดำเนินการสำหรับผู้เรียกร้องสิทธิ์

แม้ว่าผู้ถือสิทธิ์บางรายจะเริ่มได้รับเงินชดเชยในรูปแบบเงินสดแล้ว แต่ยังมีอีกหลายคนที่รอรับชดเชยในรูปของ Bitcoin หรือ Bitcoin Cash อยู่

ในอดีต การเคลื่อนไหวของ Bitcoin จากกระเป๋าขนาดใหญ่เช่น Mt. Gox มักส่งผลกระทบต่อราคาตลาดโดยตรง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลออนเชนในระยะหลังชี้ให้เห็นว่า ความเชื่อมโยงระหว่างการเคลื่อนไหวของเหรียญกับราคาตลาดเริ่มลดลง

ขณะเดียวกัน รัฐบาลภูฏานก็มีการโอน Bitcoin มูลค่า 63 ล้านดอลลาร์ไปยังกระเป๋า 3 ใบในวันจันทร์ที่ผ่านมา ตามข้อมูลจาก Onchain Lens โดยใช้ข้อมูลของ Arkham Intelligence โดยหนึ่งในกระเป๋านั้นขณะนี้มี Bitcoin จำนวน 600 BTC มูลค่าประมาณ 53 ล้านดอลลาร์

ภูฏานเริ่มเข้าสู่วงการขุด Bitcoin ตั้งแต่ปี 2019 โดยใช้พลังงานน้ำที่มีอยู่มากมายในประเทศ ซึ่งในปัจจุบันถือครองสินทรัพย์คริปโตคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 30.7% ของ GDP ของประเทศ โดยแม้จะลงทุนหลักใน Bitcoin แต่ก็ยังมีการถือครอง Ether และเหรียญอื่น ๆ ในสัดส่วนที่เล็กน้อยด้วย

credit : cryptobriefing , pic : nairametrics

The post Mt. Gox ขยับอีก! โอน Bitcoin มูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หลังราคาพุ่งแตะ $87,000 appeared first on Crypto News.

หลังจากที่ Bitcoin เพิ่มขึ้น 1.59% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคากลับลดลงเกือบ 3% ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง โดยจากการวิเคราะห์ของ AMBCrypto พบว่าการลดลงครั้งนี้อาจดำเนินต่อไป เนื่องจากวาฬในแพลตฟอร์ม Hyperliquid ควบคุมตลาดอนุพันธ์ด้วย การเปิดโพซิชั่น BTC เชิงลบ ซึ่งทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า นักลงทุนสถาบันสามารถกลับมาครองตลาดและพลิกแนวโน้มขาลงนี้ได้หรือไม่?

วาฬ Hyperliquid เดิมพันว่าราคาจะร่วงหนัก

จากข้อมูลของ Coinglass พบว่ามีการเปิด position อนุพันธ์เพิ่มขึ้นอย่างมากใน Hyperliquid ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ติดตามสถานะการซื้อขายของเทรดเดอร์รายใหญ่ โดยยอดรวมเพิ่มขึ้นเป็น 1.62 พันล้านดอลลาร์ที่น่าสนใจคือ 54.15% ของสถานะที่เปิดอยู่เป็นสถานะ Short คิดเป็นมูลค่า 876 ล้านดอลลาร์

ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หากตลาดอนุพันธ์มีสถานะ Short มากกว่าสถานะ Long นั่นอาจเป็นสัญญาณว่านักลงทุนรายใหญ่ไม่มีความสนใจใน Bitcoin ส่งผลให้ราคามีแนวโน้มลดลง

นักลงทุนสถาบันยังคงสะสม Bitcoinในขณะที่วาฬบน Hyperliquid ส่วนใหญ่กำลังขาย นักลงทุนสถาบันกลับเข้าซื้อ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถเห็นได้จากข้อมูล Netflows ที่ติดตามกระแสเงินเข้าและออกนักลงทุนได้เข้าซื้อ Bitcoin มูลค่ารวม 165.7 ล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ดัชนี Fund Market Premium ที่วัดความแตกต่างระหว่างราคาบนแพลตฟอร์มการลงทุนสถาบันกับตลาดทั่วไป ยังคงสูงกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน

นอกจากนี้ การเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ของนักลงทุนระยะยาวในช่วง 7 วันที่ผ่านมาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยดัชนี Binary CDD (Coin Days Destroyed) อยู่ที่ 0.285 ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนระยะยาวยังคงถือครองและสะสม Bitcoin เพิ่มขึ้น

นักลงทุนสหรัฐฯ แห่ขาย Bitcoinตรงกันข้ามกับนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนสหรัฐฯ กลับเดินตามแนวทางของวาฬ Hyperliquid โดยเทขาย Bitcoin ซึ่งสะท้อนจากดัชนี Coinbase Premium ที่ลดลงมาอยู่ที่ -0.04 โดยทั่วไป นักลงทุนจากสหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญต่อแนวโน้มระยะยาวของ Bitcoin

หากแรงขายยังคงเพิ่มขึ้น ราคา Bitcoin อาจปรับตัวลดลงต่อไป แต่หากแรงขายลดลง อาจเกิดการฟื้นตัวของราคาตามแรงซื้อของนักลงทุนสถาบัน

Credit : ambcrypto.com , pic : ifaw

The post วาฬ Hyperliquid แห่ชอร์ต Bitcoin ขณะนักลงทุนสถาบันเดินหน้าซื้อไม่หยุด appeared first on Crypto News.

ไนจีเรียกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจอย่างหนัก เงินเฟ้อพุ่งขึ้นไม่หยุด ค่าเงินท้องถิ่นอ่อนค่าลงจนประชาชนต้องมองหาทางเอาตัวรอด หนึ่งในตัวเลือกที่มาแรงก็คือ “คริปโตเคอร์เรนซี” ซึ่งกลายเป็นที่พึ่งของผู้คนที่ต้องการปกป้องมูลค่าทรัพย์สินของตัวเอง

เศรษฐกิจย่ำแย่ ประชาชนหันพึ่งคริปโต

ไนจีเรียเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักจากภาวะเศรษฐกิจโลก อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง ค่าเงินไนรา (NGN) อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทำให้ค่าครองชีพพุ่งขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะคนที่ทำอาชีพเกษตรกรรมซึ่งได้รับผลกระทบเต็ม ๆ เพราะราคาสินค้าเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ในขณะที่สถาบันการเงินดั้งเดิมเริ่มถูกตั้งคำถามถึงเสถียรภาพ คนไนจีเรียจำนวนมากหันมาใช้คริปโตเป็นที่พักเงินแทน เนื่องจากมันไม่ผูกติดกับค่าเงินท้องถิ่น และยังเปิดโอกาสให้พวกเขาเข้าถึงตลาดการเงินระดับโลกโดยไม่ต้องพึ่งพาธนาคารแบบเดิม

รัฐบาลเร่งออกกฎคุมคริปโต

แม้การใช้งานคริปโตในไนจีเรียจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งเฉย ล่าสุดทางสำนักงาน ก.ล.ต. ของไนจีเรียกำลังร่างนโยบายเพื่อกำกับดูแลการใช้คริปโต โดยเน้นเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมายภาษี รวมถึงป้องกันปัญหาการฟอกเงิน

ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางไนจีเรีย (CBN) ก็กำลังเร่งแก้ปัญหาค่าเงิน ด้วยการเคลียร์ภาระหนี้สินจากต่างประเทศ และฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโบลา ทินูบู ยังออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การปล่อยสินค้าในคลังสำรอง และจัดตั้งคณะกรรมการควบคุมราคาสินค้าเกษตร

แม้คริปโตจะช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกทางการเงินมากขึ้น แต่ก็ยังมีปัญหาที่ต้องระวัง เช่น การฉ้อโกงและความผันผวนของราคา อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าถ้ารัฐบาลออกกฎระเบียบที่สมดุล ไม่เข้มงวดจนเกินไป คริปโตอาจกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยให้เศรษฐกิจไนจีเรียฟื้นตัว

credit : coinpaprika , pic : cryptoslate

The post ไนจีเรียหันซบคริปโตฯ หลังเงินเฟ้อพุ่ง เศรษฐกิจดิ่งหนัก! appeared first on Crypto News.

Bitcoin ยังคงเป็นหัวข้อฮิต แม้ราคาจะร่วงจากจุดสูงสุด 22% จนทำให้หลายคนเริ่มหวั่นว่ารอบขาขึ้นนี้จะจบลงแล้ว แต่เหล่านักวิเคราะห์กลับมองว่านี่เป็นเพียง “shakeout” หรือการสลัดนักลงทุนมืออ่อนออกจากตลาด เพื่อให้แนวโน้มขาขึ้นดำเนินต่อไป โดยข้อมูลย้อนหลังชี้ให้เห็นว่า BTC มักปรับฐาน 20-30% ระหว่างทาง ก่อนที่จะสร้างจุดสูงสุดใหม่

จากข้อมูลล่าสุด BTC ร่วงจากจุดสูงสุด $109,000 ลงมาแถว $83,279 ทำให้ความกลัวครอบงำตลาด แต่สถิติชี้ว่าการย่อตัวในช่วงตลาดกระทิงเป็นเรื่องปกติ แถมยังเป็นจุดที่พวกมือใหม่เทขาย แล้วเหล่าวาฬกับสถาบันการเงินเก็บของถูก

ตั้งแต่ Spot Bitcoin ETF ได้รับการอนุมัติ ยอดถือครองรวมพุ่งทะลุ $125B+ ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า BTC ตอนนี้อยู่ภายใต้เกมของกองทุนและนักลงทุนสถาบัน ซึ่งอาจทำให้วัฏจักร 4 ปีของ Bitcoin เปลี่ยนไปจากเดิม

แม้ราคา BTC จะปรับตัวลงมาที่ $83,279 แต่นักวิเคราะห์มองว่าแนวรับหลักยังคงแข็งแกร่ง โดย Bitcoin สามารถปิดรายวันเหนือ $84,000 ในวันที่ 15 มีนาคม ซึ่งเป็นระดับที่มีแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างชัดเจน ทำให้แนวโน้มขาขึ้นยังไม่ถูกทำลาย

นอกจากปัจจัยภายในตลาดคริปโตแล้ว Bitcoin ยังมีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้น โดยเฉพาะดัชนี S&P 500 ดังนั้น ปัจจัยเศรษฐกิจ เช่น อัตราผลตอบแทนพันธบัตร และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจมีผลต่อทิศทางราคาในอนาคต

credit : coinpaper

The post นักวิเคราะห์มอง การย่อตัวของ Bitcoin เป็นเพียงการเขย่าตลาดชั่วคราว ไม่ใช่จุดสิ้นสุด appeared first on Crypto News.

Toncoin กลายเป็นกระแสร้อนแรงในวงการคริปโต หลังจากมีข่าวว่า Pavel Durov ผู้ก่อตั้ง Telegram ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากฝรั่งเศส ส่งผลให้ราคา TON พุ่งขึ้นมากกว่า 18% แตะระดับ $3.48 ในเวลาไม่นาน

ก่อนหน้านี้ Durov ถูกทางการฝรั่งเศสควบคุมตัวและตั้งข้อกล่าวหาว่า Telegram ถูกใช้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้กับองค์กรอาชญากรรม เขาถูกจับที่ฝรั่งเศสตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024 และอยู่ภายใต้เงื่อนไขการตรวจสอบเข้มงวด ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ต้องรายงานตัวกับตำรวจทุกสองสัปดาห์ และต้องวางเงินประกันถึง 5 ล้านยูโร

แต่ล่าสุด ศาลฝรั่งเศสได้อนุมัติให้มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการควบคุมตัว คืนพาสปอร์ตให้ Durov และอนุญาตให้เขาเดินทางออกจากประเทศได้เป็นเวลาหลายสัปดาห์ ซึ่งทำให้เขาสามารถกลับไปยังดูไบ ฐานบัญชาการของ Telegram ได้

ข่าวนี้สร้างความยินดีให้กับชุมชน Telegram และ TON Foundation โดยพวกเขาโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X (Twitter) ว่า

“TON Foundation มีความยินดีที่ได้ทราบว่า พาสปอร์ตของ Pavel Durov ได้ถูกคืนให้โดยทางการฝรั่งเศส ซึ่งหมายความว่าเขาสามารถเดินทางออกจากประเทศได้ตามที่ต้องการ”

หลังจากข่าวนี้แพร่ออกไป ราคาของ Toncoin ก็พุ่งขึ้นทันที 18% ใน 24 ชั่วโมง ปริมาณการซื้อขายก็เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด 216% ทะลุ $514 ล้าน ทำให้ TON กลายเป็นหนึ่งในเหรียญที่ทำกำไรได้มากที่สุดในช่วงเวลานี้

นี่ถือเป็นการฟื้นตัวที่สำคัญของ Toncoin เพราะก่อนหน้านี้ตลาดคริปโตเพิ่งเผชิญกับการปรับฐาน Bitcoin (BTC) ดิ่งต่ำกว่า $80,000 ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาเหนือ $84,000 การพุ่งของ TON จึงสวนทางกับตลาดโดยรวม

แม้ว่าราคาปัจจุบันยังต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $8.20 ในเดือนมิถุนายน 2024 แต่การเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ครั้งนี้ก็เป็นสัญญาณบวกสำหรับนักลงทุนแม้ว่า Durov จะได้รับอนุญาตให้ออกจากฝรั่งเศส แต่เขายังต้องกลับมาอีกในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อต่อสู้คดี

ซึ่งหมายความว่า TON อาจเผชิญกับความผันผวนได้อีกในอนาคตนักลงทุนควรจับตาดูสถานการณ์ของ Durov อย่างใกล้ชิด เพราะหากมีข่าวเชิงลบเกี่ยวกับคดี ราคาของ Toncoin อาจผันผวนอีกครั้งตอนนี้ตลาดกำลังจับตาดูว่าหลังจากเขากลับไปดูไบ Toncoin จะยังพุ่งต่อได้หรือไม่ หรืออาจเจอแรงขายทำกำไรหลังข่าวซาลง

Credit : coinjournal , pic : Entrevue

The post Toncoin พุ่งแรง! หลังฝรั่งเศสคืนพาสปอร์ตให้ Pavel Durov appeared first on Crypto News.

รายงานล่าสุดเผยว่าฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีเป้าหมายที่จะสะสม Bitcoin ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่าไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับขนาดของ “กองทุนสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ของรัฐบาลสหรัฐฯ”

ในงานประชุมแบบปิดที่จัดขึ้นโดย Bitcoin Policy Institute เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Bo Hines ผู้อำนวยการบริหารของ Presidential Working Group on Digital Assets ได้กล่าวต่อกลุ่มผู้นำในอุตสาหกรรมคริปโตว่า ทำเนียบขาวมีความตั้งใจที่จะสะสม Bitcoin ให้มากที่สุด โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมหลายคนยืนยันคำกล่าวดังกล่าว

เมื่อถูกถามว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มีเป้าหมายจะถือครอง Bitcoin มากเท่าใด Hines ตอบกลับด้วยอารมณ์ขันว่า “นั่นก็เหมือนกับการถามว่าคุณต้องการถือเงินดอลลาร์มากแค่ไหน” ตามคำกล่าวของผู้เข้าร่วมประชุมรายหนึ่งที่เปิดเผยกับ Decrypt

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยืนยันกับสำนักข่าว Decrypt ว่า แม้ Hines จะกล่าวถึงแนวคิดในการสะสม Bitcoin ให้มากที่สุด แต่การเข้าซื้อใด ๆ จะต้องเป็นไปในลักษณะ “คงงบประมาณสมดุล” และ “ไม่เพิ่มภาระทางการเงินให้แก่ประชาชนผู้เสียภาษี”

การประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการประชุม “Bitcoin for America” ซึ่งมีบุคคลสำคัญในวงการ Bitcoin เข้าร่วม เช่น Michael Saylor ผู้ร่วมก่อตั้ง MicroStrategy, Fred Thiel ซีอีโอของ Marathon Digital, Nathan McCauley ซีอีโอของ Anchorage Digital และ David Bailey ซีอีโอของ Bitcoin Magazine นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ อย่าง Cynthia Lummis (R-WY), Bill Hagerty (R-TN) และ Bernie Moreno (R-OH) เข้าร่วมด้วย

ในช่วงหนึ่งของการประชุม มีผู้เข้าร่วมถาม Hines ว่าทำเนียบขาวสนับสนุนร่างกฎหมาย Bitcoin Act หรือไม่ ซึ่งเป็นกฎหมายที่วุฒิสมาชิก Lummis เสนอใหม่ในวันอังคารที่ผ่านมา โดยร่างกฎหมายนี้จะกำหนดให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องซื้อ Bitcoin เพิ่มเติมอีก 1 ล้าน BTC (มูลค่าราว 80,000 ล้านดอลลาร์) และทำให้กองทุนสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์เป็นนโยบายถาวรตามคำสั่งบริหารของทรัมป์

ในเรื่องนี้ Hines ได้หันไปทาง Lummis และกล่าวว่าทำเนียบขาวมีแผนจะสนับสนุนกฎหมายที่กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin อย่างเป็นทางการ และจะผลักดันให้ร่างกฎหมายนี้ผ่านสภาคองเกรส อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยืนยันว่า Hines ไม่ได้สนับสนุนร่างกฎหมายใดเป็นพิเศษอย่างชัดเจนในระหว่างการประชุม

สถานะ Bitcoin ของรัฐบาลสหรัฐฯ และแนวโน้มในอนาคต

ปัจจุบัน คาดการณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ถือครอง Bitcoin ประมาณ 200,000 BTC ซึ่งได้มาจากการยึดทรัพย์ในคดีแพ่งและอาญา ล่าสุด เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวได้ออกมาย้ำว่า รัฐบาลสนับสนุนการเพิ่มการถือครอง Bitcoin เพื่อเสริมความมั่นคงของกองทุนสำรอง แต่การเข้าซื้อต้องเป็นไปอย่าง “คงงบประมาณสมดุล”

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อถกเถียงว่าร่างกฎหมาย Bitcoin Act จะสามารถรักษาสมดุลงบประมาณได้จริงหรือไม่ เนื่องจากร่างกฎหมายนี้กำหนดให้รัฐบาลต้องซื้อ Bitcoin มูลค่ากว่า 80,000 ล้านดอลลาร์ โดยอาศัยเงินทุนจากการประเมินมูลค่าทองคำสำรองของธนาคารกลางสหรัฐฯ ใหม่ ซึ่งราคาทองคำถูกประเมินครั้งสุดท้ายในปี 1971 และเพิ่มขึ้นกว่า 6,800% ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ด้วยนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ที่สนับสนุนคริปโตอย่างแข็งแกร่ง การสะสม Bitcoin ในระดับประเทศอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ และของโลก อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามว่าร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องจะผ่านสภาคองเกรสได้หรือไม่ และจะมีผลกระทบต่อตลาด Bitcoin อย่างไรในระยะยาว

credit : decrypt

The post รัฐบาลทรัมป์ต้องการถือครอง Bitcoin ให้ได้มากที่สุด: ทำเนียบขาว appeared first on Crypto News.

ในการสัมภาษณ์กับ Paul Barron Network Matt Hougan CIO ของ Bitwise ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการต่อสู้ทางกฎหมายที่ยืดเยื้อมานานของ XRP และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตลาดเมื่อความไม่แน่นอนทางกฎหมายได้รับการแก้ไข ตามที่ Hougan กล่าวว่า XRP ซึ่งถูกกดดันจากคดีฟ้องร้อง อาจมีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงและอาจเกิดการปรับตลาดครั้งใหญ่หากคดีได้รับการตัดสินในทางที่ดีขึ้น

ตั้งแต่ปี 2020 XRP ได้อยู่ในข้อพิพาททางกฎหมายกับ SEC ที่กล่าวหาว่า Ripple Labs จัดการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน คดีนี้ทำให้ XRP ไม่สามารถเติบโตในตลาดสหรัฐฯ และถูกลบออกจากหลายๆ แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนใหญ่ในอดีต

ตอนนี้คดีฟ้องร้องของ XRP อาจจะมีคำตัดสินสุดท้ายภายในวันที่ 16 เมษายน ตามที่ Barron กล่าว ผู้เข้าร่วมตลาดต่างคาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของ XRP ซึ่ง Hougan ได้แสดงความคิดเห็นว่า การตัดสินคดีอาจจะเปิดโอกาสให้มีความต้องการที่ซ่อนอยู่จำนวนมากและเปลี่ยนทิศทางการมองเกี่ยวกับสินทรัพย์นี้

จากมุมมองของเขา Hougan กล่าวว่า XRP ยังเป็นตัวแปรที่ไม่แน่นอนในตลาดคริปโตทั่วไป โดยแตกต่างจาก Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) ที่ได้รับการยอมรับและมีการลงทุนจากสถาบัน XRP ยังคงนิ่งอยู่เนื่องจากการถ่วงเวลาโดยกฎหมาย หากคดีนี้จบลงด้วยความชัดเจนที่สามารถทำให้การยอมรับในสหรัฐฯ ไม่ถูกจำกัด การใช้ XRP ในการเงินโลกอาจจะได้รับการเปิดเผยจริงๆ

“ความจริงคือ XRP ถูกจำกัดด้วยคดีฟ้องร้องมาหลายปี และเรายังไม่รู้ว่ามันจะสามารถทำอะไรในระดับโลกเมื่อได้รับการปลดปล่อยจากข้อจำกัดเหล่านั้น” เขากล่าว แม้ Hougan จะไม่ทำนายราคาตรงๆ แต่เขาก็ระบุว่า ความรู้สึกของสถาบันและการลงทุนจากรายย่อยอาจจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหาก XRP ได้รับความชัดเจนทางกฎหมายในสหรัฐฯ

นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการนำ XRP มาใช้ในญี่ปุ่น โดยมี SBI Holdings เป็นผู้นำในการนำสินทรัพย์นี้เข้าไปในระบบธนาคารดิจิทัลของตน ซึ่ง XRP ได้แซงหน้า Ethereum ในการถือครองโดยนักลงทุนญี่ปุ่น ซึ่งแสดงถึงความมั่นใจในอนาคตของมัน

Hougan ยังเห็นว่า XRP ยังไม่ถูกประเมินค่าอย่างเต็มที่ในเรื่องของการโอนเงินระหว่างประเทศและการแก้ปัญหาสภาพคล่อง และการต่อสู้ทางกฎหมายทำให้ไม่สามารถประเมินความต้องการที่ขับเคลื่อนโดยการใช้งานได้อย่างครบถ้วน

อีกประเด็นสำคัญที่ถูกพูดถึงคือความเป็นไปได้ของการเปิดตัวกองทุน ETF ที่ลงทุนใน XRP ซึ่ง Hougan ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการยื่นขอ ETF ของ Bitwise แต่เขากล่าวว่า บริษัทมีความมั่นใจในเรื่องนี้ “เราไม่ยื่นขอ ETP แค่เพื่อความสนุก แต่เราทำเพราะเราคิดว่ามันสามารถเปิดตัวได้ และเราคิดว่ามีตลาดที่สำคัญ”

ในขณะที่นักวิเคราะห์บางคนมองว่า ปัญหาทางกฎหมายของ XRP ได้ถูกคำนวณไปแล้ว Hougan กล่าวว่าศักยภาพที่ยังไม่ได้รับการประเมินของมันยังไม่ได้รับการสนใจจากตลาด หากคดีของ SEC สรุปในทางที่ดี การกลับมาของ XRP ในการแลกเปลี่ยนหลักๆ ในสหรัฐฯ การไหลเข้าของสถาบัน และการยอมรับในระบบธนาคารอาจนำไปสู่การปรับราคาในตลาด “ไม่มีการรับประกันว่า XRP จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่มีการรับประกันว่ามันจะไม่ประสบความสำเร็จ” Hougan กล่าวเสริม

credit : newsbtc

The post Bitwise CIO ชี้ XRP อาจถูกประเมินค่าต่ำไป คาดตลาดสั่นสะเทือนหากคดีฟ้องร้องจบลง appeared first on Crypto News.

ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการล้างพอร์ตมูลค่ามหาศาลในตลาดคริปโต นำโดย Bitfinex ที่มูลค่า $144.68 ล้าน, ตามมาด้วย Bybit $130.18 และ Binance $94.77 ล้าน ส่วน OKX, Gate.io และ HTX ก็เจอไป $66.95ล้าน, $30.45ล้าน และ $22.33ล้าน ตามลำดับ คิดเป็นมูลค่ารวมกันกว่า 477 ล้านดอลลาร์

Bitcoin ($BTC) โดนหนักสุด ล้างพอร์ตไป $296.12ล้าน (3.43K BTC) ส่วน Ethereum ($ETH) โดนไป $54.98ล้าน (25.39K ETH) และ XRP $19.74ล้าน (8.47M XRP) ตามมาด้วย Solana ($SOL), Cardano ($ADA) และ Dogecoin ($DOGE) โดยโพซิชั่นล้างพอร์ตเดี่ยวที่ใหญ่สุด มีมูลค่า $17.15 ล้าน เกิดขึ้นบนเว็บเทรด Bitfinex ในคู่ BTC/UST

เทรดเดอร์ Long โดนหนัก แพ้ให้กับเทรนด์ขาลง

สัดส่วนของการ Liquidation ระหว่าง Long และ Short แตกต่างกันไปในแต่ละกระดานเทรด โดย Binance และ Bybit มี การล้างพอร์ตฝั่ง Long สัดส่วน 75.39% และ 71.54% ตามลำดับ

ในขณะที่ CoinEx และ BitMEX แม้จะมีการล้างพอร์ตในปริมาณน้อย (แค่ $3.65ล้าน และ $1.99ล้าน) แต่กลับมีอัตรา Liquidation ฝั่ง Long สูงถึง 95.19% แสดงให้เห็นว่าผู้ที่เดิมพันว่าราคาจะขึ้น โดนเทรนด์ขาลงซัดไปเต็มๆ

Cr. Blockchainreport

The post ตลาดคริปโตผันผวนหนัก! เทรดเดอร์กว่า 135,000 รายโดนล้างพอร์ต appeared first on Crypto News.