ประเทศอย่างสวีเดนและนอร์เวย์ซึ่งเคยเป็นผู้นำของโลกในการผลักดันให้เลิกใช้เงินสด กำลังเริ่มกลับลำ รัฐบาลของทั้งสองประเทศเริ่มแนะนำให้ประชาชนเก็บเงินสดติดบ้านไว้ เผื่อกรณีฉุกเฉิน เช่น สงคราม การโจมตีทางไซเบอร์ หรือเหตุไฟดับที่อาจทำให้ระบบชำระเงินแบบดิจิทัลใช้ไม่ได้ โดยเฉพาะในสวีเดน รัฐบาลถึงขั้นตีพิมพ์คู่มือเตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่แนะนำให้มีเงินสดพอใช้ได้อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ขณะที่นอร์เวย์เดินหน้าไปอีกขั้นด้วยการออกกฎหมายบังคับให้ร้านค้าต้องรับเงินสด ไม่เช่นนั้นอาจถูกลงโทษหรือปรับอย่างรุนแรง
Vitalik Buterin มองว่าการเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบที่รวมศูนย์ และ Ethereum เองก็อาจกลายเป็นตัวเลือกสำรองระดับชาติได้ หากสามารถแก้ไขข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการได้
“Ethereum จำเป็นต้องมีความเป็นส่วนตัวและความทนทานมากพอ หากจะมีบทบาทในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ได้”
— Buterin กล่าวไว้ในโพสต์บน X

จากเดิมที่การกระจายศูนย์ (decentralization) เคยถูกมองว่าเป็นเพียงคุณสมบัติเสริม วันนี้มันอาจกลายเป็นหัวใจหลักในการรักษาอธิปไตยทางการเงินแบบดิจิทัล หลายฝ่ายจึงเริ่มเสนอให้ประเทศต่าง ๆ มองหาทางเลือกใหม่ ๆ ที่มีความทนทานมากกว่าระบบธนาคารแบบดั้งเดิม
Ethereum: ตัวสำรองแบบกระจายศูนย์
แม้ Ethereum ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ทั้งในด้านความเป็นส่วนตัว การขยายขนาด และการกระจายศูนย์ แต่ Buterin เชื่อว่า Ethereum มีศักยภาพที่จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำรองในยามเกิดวิกฤติ หากสามารถข้ามผ่านอุปสรรคทางเทคนิคไปได้
ชุมชนคริปโตเองก็กำลังพัฒนาโซลูชันต่าง ๆ อย่าง ZK-rollups, validiums และเครือข่ายเลเยอร์ 2 ที่จะช่วยให้ธุรกรรมเป็นส่วนตัวมากขึ้นและเร็วขึ้น นวัตกรรมเหล่านี้กำลังพา Ethereum เข้าใกล้เป้าหมายในการเป็นเครือข่ายที่ “ทนทุกสถานการณ์” มากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากระบบแบบรวมศูนย์ที่มักเปราะบางต่อวิกฤต
ในขณะที่รัฐบาลทั่วโลกหันกลับไปให้ความสำคัญกับเงินสด ชุมชนคริปโตกำลังสร้างระบบทางเลือกที่แข็งแกร่งกว่า บางที “อนาคตของเงิน” อาจไม่ใช่การเลิกใช้เงินสดไปเลย — แต่เป็นการแทนที่มันด้วยสิ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่ออยู่รอดในทุกสถานการณ์ก็เป็นได้
credit : crypto-economy
Facebook Comments