กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ปรมาณูปรับเข็มนาฬิกาวันสิ้นโลกเหลือ 100 วินาทีถึงเที่ยงคืน เพื่อสื่อว่าหายนะกำลังใกล้เข้ามา จากปัญหาเดิมๆ แต่รุนแรงยิ่งขึ้น แต่มันถึงเวลาที่ควรซื้อ Bitcoin แล้วจริง ๆ นะหรือ ?
ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกส่งเสียงเตือนหายนะกำลังมา
ท่ามกลางข่าวลือที่ว่า Bitcoin และ Proof of Work (PoW) cryptocurrencies ตัวอื่น ๆ เป็นสินทรัพย์ที่ส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อม เพราะว่ามันใช้ทรัพยากรที่สิ้นเปลืองมากจนเกินไป
ในขณะเดียวกันสำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่ากลุ่มนักวิทยาศาสตร์จากองค์กรจดหมายข่าวนักวิทยาศาสตร์ด้านปรมาณู (BAS) ประกาศที่สำนักงานในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า เข็มของ ‘นาฬิกาวันสิ้นโลก’ ขยับเพิ่มอีก 20 วินาที ทำให้ตอนนี้เหลืออีกเพียง 100 วินาทีเท่านั้นก็จะถึงเวลาเที่ยงคืน ซึ่งสื่อถึงวันสิ้นโลก
นาฬิกาวันสิ้นโลกเป็นการบอกเวลาเชิงสัญลักษณ์บ่งชี้สถานการณ์โลก ว่ากำลังเข้าใกล้หายนะมากเพียงใด ซึ่งทุกปีนักวิทยาศาสตร์ของ BAS จะวิเคราะห์กันว่าเวลาอยู่ที่เท่าไร โดยมีปัจจัยหลักในการวิเคราะห์คือ ความเสี่ยงด้านอาวุธนิวเคลียร์และภาวะความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยในปี 2561 เข็มนาฬิกาวันสิ้นโลกหยุดอยู่ที่ 23:58 น. หรือ 2 นาทีจะถึงเที่ยงคืน ขณะที่ในปี 2562 เข็มนาฬิกาก็ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะภัยคุกคามทางนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือกับภาวะโลกร้อน
อย่างไรก็ตาม ในปี 2020 นี้ ภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านเพิ่มสูงขึ้น จากกรณีการสังหารนายพลคาเซม โซเลมานี จนฝ่ายอิหร่านตอบโต้ด้วยการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในอิรัก ซึ่งเสี่ยงทำให้มีการเผชิญหน้าทางทหาร อิหร่านยังประกาศเริ่มการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม โดยไม่สนขีดจำกัดที่กำหนดเอาไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ ที่พวกเขาทำเอาไว้กับชาติมหาอำนาจโลกอีกด้วย
ส่วนในด้านปัญหาสภาพอากาศ ปี 2562 ที่ผ่านมา ถูกตั้งเป้าให้เป็นปีที่ร้อนที่สุดอันดับ 2 เท่าที่เคยมีการบันทึกสถิติมา ขณะที่ทศวรรษก่อน (ค.ศ.2000-2019) เป็นช่วงที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้เกิดภัยธรรมชาติมากมาย ทั้งพายุและไฟป่า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือออสเตรเลีย ซึ่งต้องต่อสู้กับไฟป่าตั้งแต่ตุลาคมปีก่อนมาจนถึงตอนนี้
“100 วินาทีจะถึงเที่ยงคืน เป็นตัวชี้วัดว่าเราเข้าใกล้หายนะแค่ไหนเป็นวินาที ไม่ใช่ชั่วโมงหรือนาที” เรเชล บรอนสัน ประธาน BAS กล่าว “ตอนนี้เรากำลังเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างแท้จริง”
BITCOIN นั้นคุ้มค่า
เมื่อเร็ว ๆ นี้นาย Saifedean Ammous ผู้เขียนหนังสือรางวัลเกี่ยวกับด้านเศรษฐศาสตร์ Bitcoin Standard ได้โพสต์ทวีตว่า :
“การที่ Bitcoin ใช้พลังงานเยอะนั้นเป็นเพราะมันคุ้มค่า คุณมีต้นทุนค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าสำหรับการโอนเงินไปทั่วโลกภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง แต่เมื่อเทียบกับธนาคารกลางแล้ว คุณจะเห็นได้ว่าพวกเขาใช้พลังงานกันมากแค่ไหนในการผลิตเงินขึ้นมา”
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันอัตรากำลังขุดของ Bitcoin ได้พุ่งแตะระดับสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่อุตสาหกรรมการรักษาความปลอดภัยและการตรวจสอบบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะมีโอกาสหายไปตลอดกาล เนื่องจากแรงจูงใจในทฤษฎีเกมของ Bitcoin ถูกออกแบบมาเพื่อบังคับใช้ทุกคนหันมาขุดเหมืองและมอบรางวัลตอบแทนให้แก่พวกเขา ซึ่งในอนาคตเราอาจจะได้เห็นกระบวนการทำเหมืองแบบใหม่ โดยใช้นวัตกรรมการผลิตพลังงานสีเขียวแทนการใช้พลังงานแบบเดิม ๆ ก็เป็นได้
ที่มา : bitcoinist
Facebook Comments