เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2025 ประเทศเอลซัลวาดอร์ได้ซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 8 BTC ส่งผลให้ยอดสะสมรวมของประเทศพุ่งแตะ 6,173 BTC หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 641 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

รัฐบาลยังคงเดินหน้าสะสมคริปโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีข้อตกลงเงินกู้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ระบุชัดเจนให้หยุดการซื้อบิตคอยน์โดยสมัครใจผ่านภาครัฐประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล

ผู้นำแนวนโยบายคริปโตของประเทศ ยืนยันหนักแน่นผ่านโพสต์บน X เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2025 ว่า “เราไม่หยุด ถ้าไม่หยุดตอนที่ทั้งโลกต่อต้านเรา มันก็จะไม่หยุดในตอนนี้ และจะไม่มีวันหยุด”

เอลซัลวาดอร์ยังคงซื้อบิตคอยน์อย่างสม่ำเสมอวันละอย่างน้อย 1 btc ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 โดยบางช่วงก็มีการซื้อเพิ่มมากขึ้นตามภาวะตลาดและงบประมาณที่มีแม้จะมีเสียงเตือนจาก IMF และนักวิเคราะห์ทั่วโลก

แนวทางนี้ทำให้เอลซัลวาดอร์กลายเป็นประเทศแรกที่ใช้บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์สำรองของชาติ และเป็นต้นแบบให้ประเทศขนาดเล็กหรือเศรษฐกิจเกิดใหม่พิจารณาแนวทางนี้ตามรอยเอลซัลวาดอร์

อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ก็ใช่ว่าจะไร้เสียงวิจารณ์ โดยเฉพาะจาก IMF ที่กังวลว่า การใช้เงินภาครัฐซื้อบิตคอยน์จะทำให้การคลังของประเทศมีความผันผวนสูง ซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงทางการเงินในระยะยาว

ในเดือนมกราคม 2025 สภานิติบัญญัติของเอลซัลวาดอร์ได้ลงมติยกเลิกกฎหมายที่บังคับให้ใช้บิตคอยน์เป็นเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังคงอนุญาตให้ใช้ในการทำธุรกรรมได้อยู่ รัฐบาลยังคงมอบหมายให้ “Bitcoin Office” หรือสำนักงานบิตคอยน์แห่งชาติ รับหน้าที่ดูแลทรัพย์สินคริปโตของประเทศต่อไป

Credit : cointrackdaily.com

0 0

The post เอลซัลวาดอร์ซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 8 BTC ขัดคำเตือนของ IMF appeared first on Crypto News.

ในการปรากฏตัวครั้งสุดท้ายในฐานะ CEO ของ Berkshire Hathaway ที่งานประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 60 Warren Buffett ไม่ได้มาเบา ๆ เพราะนอกจากจะส่งไม้ต่อให้ Greg Abel อย่างเป็นทางการแล้ว ยังทิ้งคำพูดเด็ด ๆ ไว้อีกชุดใหญ่ โดยเฉพาะประเด็นที่หลายคนสะดุ้ง—“ดอลลาร์สหรัฐอาจจะไปนรกก็ได้”

ใช่แล้ว คุณอ่านไม่ผิด… Buffett พูดถึงความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของค่าเงินดอลลาร์ ท่ามกลางปัญหาหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่บานปลาย และแนวนโยบายกีดกันทางการค้าที่เสี่ยงต่อความสัมพันธ์ทั่วโลก

“เราไม่อยากถือสินทรัพย์ที่อยู่ในสกุลเงินซึ่งกำลังมุ่งตรงลงนรก” Buffett กล่าวไว้ชัดเจน พร้อมบอกว่า ถ้า Berkshire ต้องลงทุนในยุโรปจริง ๆ ก็มีโอกาสที่จะเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินอื่นในการระดมทุนมากขึ้น

ฟังดูแล้ว… นี่มันแทบจะเป็นสัญญาณตรง ๆ ว่า ‘เงินกระดาษ’ อาจไม่มั่นคงอีกต่อไป แล้วอะไรล่ะที่จะมาทดแทน?

คำตอบที่หลายคนอาจนึกถึงทันที คือ cryptocurrency

แม้ Buffett จะเคยพูดแรงใส่ Bitcoin ว่า “มันคือยาเบื่อหนูแบบยกกำลังสอง” แต่คำพูดล่าสุดของเขาก็ทำให้นักลงทุนคริปโตหลายคนเริ่มแอบยิ้มมุมปาก เพราะหากแม้แต่ “Oracle of Omaha” ยังเริ่มพูดถึงการกระจายความเสี่ยงจากดอลลาร์ แล้วการถือครองสินทรัพย์ที่ไม่พึ่งพารัฐบาลกลางหรือธนาคารกลาง มันก็ดูมีน้ำหนักขึ้นมาทันที

Credit : indiatoday

0 0

The post Warren Buffett ส่งไม้ต่อ CEO พร้อมเตือนแรง “เงินดอลลาร์อาจดิ่งนรก” – แล้วคริปโตล่ะ? appeared first on Crypto News.

ใครว่าวงการคริปโตคือทางรวย? บอกเลยว่าไม่ใช่ทุกเหรียญจะไปถึงฝั่งฝัน เพราะจากรายงานล่าสุดของ CoinGecko เกือบ 53% ของเหรียญทั้งหมดที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2021 “ตายสนิท” ไปแล้ว

โดยเฉพาะปี 2024 และ 2025 ที่เป็นช่วงพีคของการล่มสลายแค่ปี 2025 ยังไม่หมดปี ก็เจอไปแล้ว 1.8 ล้านเหรียญที่พับโปรเจกต์ปีนี้ยังไม่ถึงครึ่งปีดี แต่เหรียญที่ตายไปแล้วมีถึง 1.8 ล้านตัว คิดเป็นเกือบ 50% ของโปรเจกต์ที่ล้มเหลวทั้งหมดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ส่วนปี 2024 ก็ไม่ได้ยอมน้อยหน้า ล้มไปเกือบ 1.4 ล้านเหรียญทำไมถึงพังกันยับขนาดนี้?เหตุผลหลักๆ คือแพลตฟอร์มอย่าง Pump.fun ที่เปิดให้ใครก็ได้สร้างเหรียญเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องเขียนโค้ด คนธรรมดาเลยแห่กันเข้ามาเปิดเหรียญเล่นๆ หวังเก็งกำไรระยะสั้น แล้วก็ทิ้งโปรเจกต์ร้างไว้เพียบ

อีกประเด็นคือ ตลาดผันผวนจัดหลังทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดีเมื่อต้นปี 2025 บรรยากาศโดยรวมเลยไม่เป็นใจเหรียญล้มๆ แล้งๆ ดูยังไง?ดูง่ายๆ – ไม่มีวอลุ่มเทรด, ไม่มีเคสการใช้งานจริง, ไม่มีเงินทุน, ไม่มีโร้ดแมพชัดเจน แล้วก็ไม่มีคนพูดถึงเหรียญนั้นอีกเลย

ถ้าเทรดน้อยกว่า $1,000 ภายใน 3 เดือน ก็จัดว่าเป็น “เหรียญผี” ได้แล้วอยากอยู่รอด ต้องเลือกให้เป็นก่อนจะลงเงินกับเหรียญไหน เช็กให้ครบ: มีเทรดในตลาดไหนบ้าง? วอลุ่มโอเคมั้ย? มีคนใช้งานจริงรึเปล่า? โปรเจกต์มีแผนทำอะไรต่อ? ถ้าตอบไม่ได้สักข้อ ก็อาจถึงเวลาเดินหนี

Credit : cryptopolitan

0 0

The post โปรเจกต์คริปโตที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2021 เกินครึ่งตายสนิท 2024-2025 ครองแชมป์เหรียญร้าง appeared first on Crypto News.

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ประกาศอย่างเป็นทางการในค่ำคืนวันพฤหัสบดีว่า จะยุติข้อกำหนดที่บังคับให้ธนาคารต้องแจ้งล่วงหน้า หากมีแผนจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจคริปโตหรือ Stablecoin โดยจะปรับมุมมองการกำกับดูแลคริปโตให้เท่าเทียมกับบริการธนาคารอื่น ๆ แทนการระวังเป็นพิเศษอย่างในอดีต

การประกาศครั้งนี้สอดคล้องกับท่าทีล่าสุดจากอีกสองหน่วยงานหลักคือ FDIC (Federal Deposit Insurance Corporation) และ OCC (Office of the Comptroller of the Currency) ซึ่งต่างก็ออกแถลงการณ์คล้ายกันว่า ธนาคารสามารถดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับคริปโตได้ตามกฎหมาย โดยไม่ต้องขออนุญาตล่วงหน้าอีกต่อไป

ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม 2023 หลังการล่มสลายของ FTX ทั้งสามหน่วยงานได้ออกแนวทางเตือนร่วมกัน ระบุว่า การออกหรือถือครองสินทรัพย์คริปโตบนเครือข่ายแบบเปิดหรือกระจายศูนย์ อาจไม่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติทางการเงินที่มั่นคงและปลอดภัย และกำหนดให้ธนาคารต้องแจ้งล่วงหน้าเมื่อมีความประสงค์จะดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโต

แต่อย่างไรก็ตาม จดหมายดังกล่าวได้ถูก “ยกเลิก” อย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้

จบเกม ‘Operation Choke Point 2.0’ – ปลดล็อกเสรีภาพทางการเงิน

นโยบายที่เพิ่งถูกยกเลิกนี้ ถูกวิจารณ์อย่างหนักในช่วงปีที่ผ่านมาในวงการคริปโต โดยถูกเรียกว่า “Operation Choke Point 2.0” ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างว่าหน่วยงานรัฐใช้ข้อกำหนดด้านกฎระเบียบเพื่อจำกัดการเข้าถึงบริการทางการเงินของบริษัทคริปโตอย่างไม่เป็นธรรม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง ได้ประกาศให้การยกเลิกมาตรการดังกล่าวเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของรัฐบาล โดยมีการผลักดันให้หน่วยงานด้านการเงินปรับเปลี่ยนแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลให้เป็นกลางและโปร่งใสมากขึ้น

แม้ว่าในวงการจะกังวลว่า Jerome Powell ประธาน Fed ซึ่งได้รับการแต่งตั้งในยุคก่อนหน้า อาจลังเลในการเปลี่ยนแปลง แต่การเคลื่อนไหวในวันนี้สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่าง Fed, FDIC และ OCC ที่เริ่มมีแนวทางไปในทิศทางเดียวกัน

แม้จะเป็นข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต แต่ประกาศของ Fed ในครั้งนี้ยังไม่ได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญเรื่อง Master Account ซึ่งเป็นบัญชีที่เปิดให้สถาบันการเงินสามารถเข้าถึงบริการของ Fed โดยตรง ถือเป็นหัวใจหลักในการให้บริการทั่วประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่ผ่านมา Fed ปฏิเสธคำขอบัญชีประเภทนี้จากธนาคารที่มุ่งเน้นคริปโต เช่น Custodia และ Kraken Financial มาโดยตลอด

credit : decrypt , pic : timesofisrael

0 0

The post Fed พลิกท่าที! ถอนกฏ ‘คุมเข้มคริปโต’ สำหรับธนาคาร โบกมือลานโยบายยุค Biden appeared first on Crypto News.

หลังจากที่โลกคริปโตได้สนุกกันกับ Bitcoin และ Ethereum ETF กันมาพักใหญ่ ล่าสุดแคนาดาก็เตรียมปล่อยหมัดเด็ดอีกครั้ง กับ “Spot Solana ETF” ตัวแรกของโลก ที่จะเปิดเทรดกันจริงจังในวันที่ 16 เมษายน 2025 นี้!

ใช่แล้ว ฟังไม่ผิด… ETF ที่ถือเหรียญ SOL จริงๆ ไม่ใช่แค่ตามราคาชาวบ้านเฉยๆ

ใครบ้างที่อยู่เบื้องหลังโปรเจกต์นี้?

ก็มีบรรดาบริษัทใหญ่ในวงการการลงทุนของแคนาดาอย่าง Purpose Investments, Evolve ETFs, CI Global Asset Management และ 3iQ ได้รับไฟเขียวจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์ของ Ontario (OSC) เรียบร้อย พร้อมลุยเต็มที่

พิเศษกว่านั้น… มี “Staking” ด้วย!

จุดที่ทำให้ Spot Solana ETF ของแคนาดาแตกต่างจาก ETF ตัวอื่นก็คือ มันสามารถทำ staking ได้ด้วยนะ โดยใช้บริการจาก TD Bank ซึ่งหมายความว่านักลงทุนที่ถือ ETF ก็จะได้ผลตอบแทนเพิ่มจากการช่วยเครือข่าย Solana ไปพร้อมๆ กันเรียกได้ว่า ได้ทั้งราคาขึ้น และได้รางวัลจาก staking – โคตรคุ้ม!

แล้วราคาตอนนี้ล่ะ?

ช่วงนี้ราคา SOL ก็กำลังน่าสนใจอยู่ไม่น้อย วิ่งขึ้นมาประมาณ 25% ภายในสัปดาห์เดียว และตอนนี้ก็อยู่ในช่วงสะสมกำลังในกรอบ $125 – $135นักวิเคราะห์บอกว่า ถ้าผ่าน $137 ได้ล่ะก็… เป้าต่อไปอาจจะไปแตะ $151 แบบชิลๆแต่ถ้าหลุด $125 ก็อาจมีร่วงลงไปแถว $117 ได้เหมือนกัน

สายเทรดเตรียมลุ้นกันได้เลยกระแสในโลกออนไลน์ก็มาดีสุดๆข้อมูลจาก Santiment บอกว่าช่วงนี้คนพูดถึง Solana กันเยอะมากในโซเชียล แถมข้อมูลจาก Nansen ยังเผยว่า Solana มีจำนวนธุรกรรมมากที่สุดในบรรดาทุกบล็อกเชนเลย! มากกว่า 355 ล้านครั้งในแค่สัปดาห์เดียว

สรุปง่ายๆ: Spot Solana ETF ของแคนาดาไม่ใช่แค่ครั้งแรกของโลก แต่ยังมาพร้อมกับ staking ที่ให้ผลตอบแทนเพิ่มเติมแบบคุ้มๆ แถมช่วงนี้ Solana ก็กำลังเป็นกระแส ราคาก็น่าสนใจ บอกเลยว่าโปรเจกต์นี้น่าจับตาสุดๆ

Credit : coinpedia.org , pic : dl news

0 0

The post แคนาดามาแรง! เตรียมเปิดตัว “Spot Solana ETF” ตัวแรกของโลก 16 เมษานี้ appeared first on Crypto News.

ตลาดโลกและสกุลเงินดิจิทัลร่วงหนัก หลังทรัมป์ประกาศยกระดับมาตรการภาษี จุดกระแสความหวาดกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก พร้อมการเทขายของนักลงทุนครั้งใหญ่

ตลาดทั่วโลกร่วงอย่างหนักในวันจันทร์ หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่าจะไม่ยอมอ่อนข้อในเรื่องภาษี ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงขึ้น ดัชนีหุ้นสหรัฐล่วงหน้าชี้ว่า ตลาดอาจร่วงลง 3–4% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงทรุดตัวกว่า 10% ตลาดหุ้นในยุโรปและเอเชียก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกร่วงลง

โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็น 45% โดยให้เหตุผลว่าภาษีใหม่ที่สูงขึ้นของทรัมป์สร้างแรงกดดันทางการเงินอย่างมาก ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงยืนยันว่ามาตรการภาษีของเขาช่วยสร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ และจำเป็นต้องใช้เพื่อลดปัญหาขาดดุลการค้ากับประเทศอย่างจีนและสหภาพยุโรป ขณะเดียวกัน จีนก็ตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษี 34% เช่นกัน

ความปั่นป่วนในตลาดลบมูลค่ากว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ ออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ภายในเวลาเพียงสองวัน กลายเป็นสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตโควิดปี 2020 แม้แต่นักลงทุนที่สนับสนุนทรัมป์อย่าง บิล แอคแมน และ สแตนลีย์ ดรักเคนมิลเลอร์ ก็ยังออกมาวิจารณ์กลยุทธ์ของเขา พร้อมเตือนว่าอาจสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยพุ่งสูง ขณะที่ สินค้าโภคภัณฑ์และคริปโตร่วงหนัก ตลาดคริปโตทรุดตามตลาดหลัก โดย บิตคอยน์ร่วงลงแตะ 75,000 ดอลลาร์ และเหรียญใหญ่ตัวอื่นๆ ก็ขาดทุนเป็นตัวเลขกว่าสองหลัก การเทขายในวงกว้างนี้สะท้อนว่านักลงทุนกำลังถอนตัวจากสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหมด รวมถึงคริปโต ด้วยความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสงครามการค้าและการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

Credit : coinpaprika.com

0 0

The post “ทรัมป์ไม่ถอย! ตลาดหุ้น-คริปโตทรุด กังวลเศรษฐกิจโลกพัง” appeared first on Crypto News.

วงการคริปโตในสหรัฐฯ กำลังจะคึกคักอีกครั้ง เมื่อ VanEck บริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลกที่ดูแลเงินลงทุนกว่า $115,000 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก ได้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้ง “VanEck BNB ETF” เป็นที่เรียบร้อยแล้วในรัฐเดลาแวร์ สหรัฐอเมริกา

การจดทะเบียนครั้งนี้ถือเป็น “ก้าวแรก” ในการเปิดตัวกองทุน ETF ที่อิงกับเหรียญ Binance Coin (BNB) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการเคลื่อนไหวลักษณะนี้ในตลาดสหรัฐฯ

แล้วมันสำคัญยังไง?

ในโลกของการลงทุน กองทุน ETF เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงคริปโตอย่างสะดวกและถูกกฎหมายมากขึ้น โดยไม่ต้องถือครองเหรียญจริง ๆ และถ้าการเปิดตัว BNB ETF นี้สำเร็จ BNB ก็จะกลายเป็นคริปโตเหรียญที่ 5 ที่มี ETF แยกเป็นของตัวเองต่อจาก Bitcoin, Ethereum, Solana และ Avalanche

ขั้นตอนต่อไปคืออะไร?

ตอนนี้ VanEck ยังไม่ได้ยื่นขออนุมัติกับ SEC (ก.ล.ต. สหรัฐฯ) อย่างเป็นทางการ แต่การจัดตั้ง Trust สำหรับ BNB ETF นี้ถือเป็นขั้นตอนเตรียมการล่วงหน้า เช่นเดียวกับตอนที่ VanEck เคยทำไว้กับ Solana ETF เมื่อปี 2024 ซึ่งหลังจากนั้นพวกเขาก็ยื่นแบบฟอร์ม 19b-4 ตามมาเพื่อขออนุมัติ

ในขณะที่เขียนบทความนี้ BNB มีราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ $608 และถือเป็นคริปโตอันดับ 5 ของโลกตามมูลค่าตลาด

credit : cryptobriefing

0 0

The post VanEck จดทะเบียนกองทุน Binance Coin ETF แห่งแรกในสหรัฐอเมริกา appeared first on Crypto News.

ราคาบิทคอยน์ซื้อขายต่ำกว่า $84,000 ในวันที่ 29 มีนาคม ทดสอบแนวรับท่ามกลางแรงขายที่เพิ่มขึ้น

การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากราคาร่วงลงอย่างรวดเร็วภายในวันถึง 3.1% โดยแตะระดับต่ำสุดที่ $83,696 นักวิเคราะห์ทางเทคนิคเตือนว่าอาจมีการปรับตัวลดลงเพิ่มเติม

ในโพสต์บน X นักเทรดระดับตำนาน ปีเตอร์ แบรนดต์ ระบุว่าบิทคอยน์อาจร่วงต่ำกว่า $70,000

เขาตอบสนองต่อการวิเคราะห์ของนักเทรดรายอื่นที่ชี้ให้เห็นว่า BTC กำลังเผชิญแนวต้านแข็งแกร่งใกล้ระดับ $90,000 พร้อมกับรูปแบบลิ่มขาขึ้น (Rising Wedge) ซึ่งโดยทั่วไปเป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาลง เมื่อถูกถามว่าบิทคอยน์อาจเสียแนวรับที่ $70K หรือไม่ แบรนดต์ตอบว่า

“ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้”

แพทเทิร์นลิ่มขาขึ้นไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่น่ากังวล ราคาบิทคอยน์ยังแสดงสัญญาณของการเบรกแนวต้านและทดสอบซ้ำที่ระดับ $89,000 ซึ่งเป็นเส้น neckline ของรูปแบบ “Double Top” ที่จุดสูงสุด $108,675 สิ่งนี้เพิ่มน้ำหนักให้กับแนวโน้มขาลงในระยะสั้น

นักวิเคราะห์เทคนิคชื่อดังบนแพลตฟอร์ม X อย่าง Crypto Chase ระบุว่าบิทคอยน์ต้องรักษาระดับแนวรับที่ $85,270 หากไม่สามารถทำได้ เขาเตือนถึงโอกาสเกิดสัญญาณชอร์ต (Short Setup) ที่อาจทำให้ราคาร่วงลงสู่ $80,000

เนื่องจากมีสภาพคล่องสะสมในบริเวณดังกล่าว โดยเขาโพสต์ว่า

“ต้องสู้หรือตาย… บิทคอยน์ต้องยืนเหนือโซน FVG / จุดสูงสุดเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน… ถ้าหลุด ก็จบ”

นอกจากนี้ ค่ากลางเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) 200 วัน ยังกลับมาเป็นแนวต้านอีกครั้ง ซึ่งทำให้นักเทรดจับตาการปิดแท่งเทียนรายวันเพื่อยืนยันแนวโน้มขาลงต่อไป

Credit : thecoinrepublic.com , pic : The Independent

0 0

The post บิทคอยน์ไหวตามแผ่นดิน! ดิ่งต่ำ $84,000 นักเทรดระทึก เสี่ยงหลุด $70,000 appeared first on Crypto News.

หลังจากที่ Bitcoin เพิ่มขึ้น 1.59% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคากลับลดลงเกือบ 3% ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง โดยจากการวิเคราะห์ของ AMBCrypto พบว่าการลดลงครั้งนี้อาจดำเนินต่อไป เนื่องจากวาฬในแพลตฟอร์ม Hyperliquid ควบคุมตลาดอนุพันธ์ด้วย การเปิดโพซิชั่น BTC เชิงลบ ซึ่งทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า นักลงทุนสถาบันสามารถกลับมาครองตลาดและพลิกแนวโน้มขาลงนี้ได้หรือไม่?

วาฬ Hyperliquid เดิมพันว่าราคาจะร่วงหนัก

จากข้อมูลของ Coinglass พบว่ามีการเปิด position อนุพันธ์เพิ่มขึ้นอย่างมากใน Hyperliquid ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ติดตามสถานะการซื้อขายของเทรดเดอร์รายใหญ่ โดยยอดรวมเพิ่มขึ้นเป็น 1.62 พันล้านดอลลาร์ที่น่าสนใจคือ 54.15% ของสถานะที่เปิดอยู่เป็นสถานะ Short คิดเป็นมูลค่า 876 ล้านดอลลาร์

ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หากตลาดอนุพันธ์มีสถานะ Short มากกว่าสถานะ Long นั่นอาจเป็นสัญญาณว่านักลงทุนรายใหญ่ไม่มีความสนใจใน Bitcoin ส่งผลให้ราคามีแนวโน้มลดลง

นักลงทุนสถาบันยังคงสะสม Bitcoinในขณะที่วาฬบน Hyperliquid ส่วนใหญ่กำลังขาย นักลงทุนสถาบันกลับเข้าซื้อ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถเห็นได้จากข้อมูล Netflows ที่ติดตามกระแสเงินเข้าและออกนักลงทุนได้เข้าซื้อ Bitcoin มูลค่ารวม 165.7 ล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ดัชนี Fund Market Premium ที่วัดความแตกต่างระหว่างราคาบนแพลตฟอร์มการลงทุนสถาบันกับตลาดทั่วไป ยังคงสูงกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน

นอกจากนี้ การเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ของนักลงทุนระยะยาวในช่วง 7 วันที่ผ่านมาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยดัชนี Binary CDD (Coin Days Destroyed) อยู่ที่ 0.285 ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนระยะยาวยังคงถือครองและสะสม Bitcoin เพิ่มขึ้น

นักลงทุนสหรัฐฯ แห่ขาย Bitcoinตรงกันข้ามกับนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนสหรัฐฯ กลับเดินตามแนวทางของวาฬ Hyperliquid โดยเทขาย Bitcoin ซึ่งสะท้อนจากดัชนี Coinbase Premium ที่ลดลงมาอยู่ที่ -0.04 โดยทั่วไป นักลงทุนจากสหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญต่อแนวโน้มระยะยาวของ Bitcoin

หากแรงขายยังคงเพิ่มขึ้น ราคา Bitcoin อาจปรับตัวลดลงต่อไป แต่หากแรงขายลดลง อาจเกิดการฟื้นตัวของราคาตามแรงซื้อของนักลงทุนสถาบัน

Credit : ambcrypto.com , pic : ifaw

0 0

The post วาฬ Hyperliquid แห่ชอร์ต Bitcoin ขณะนักลงทุนสถาบันเดินหน้าซื้อไม่หยุด appeared first on Crypto News.

ไนจีเรียกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจอย่างหนัก เงินเฟ้อพุ่งขึ้นไม่หยุด ค่าเงินท้องถิ่นอ่อนค่าลงจนประชาชนต้องมองหาทางเอาตัวรอด หนึ่งในตัวเลือกที่มาแรงก็คือ “คริปโตเคอร์เรนซี” ซึ่งกลายเป็นที่พึ่งของผู้คนที่ต้องการปกป้องมูลค่าทรัพย์สินของตัวเอง

เศรษฐกิจย่ำแย่ ประชาชนหันพึ่งคริปโต

ไนจีเรียเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักจากภาวะเศรษฐกิจโลก อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง ค่าเงินไนรา (NGN) อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทำให้ค่าครองชีพพุ่งขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะคนที่ทำอาชีพเกษตรกรรมซึ่งได้รับผลกระทบเต็ม ๆ เพราะราคาสินค้าเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ในขณะที่สถาบันการเงินดั้งเดิมเริ่มถูกตั้งคำถามถึงเสถียรภาพ คนไนจีเรียจำนวนมากหันมาใช้คริปโตเป็นที่พักเงินแทน เนื่องจากมันไม่ผูกติดกับค่าเงินท้องถิ่น และยังเปิดโอกาสให้พวกเขาเข้าถึงตลาดการเงินระดับโลกโดยไม่ต้องพึ่งพาธนาคารแบบเดิม

รัฐบาลเร่งออกกฎคุมคริปโต

แม้การใช้งานคริปโตในไนจีเรียจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งเฉย ล่าสุดทางสำนักงาน ก.ล.ต. ของไนจีเรียกำลังร่างนโยบายเพื่อกำกับดูแลการใช้คริปโต โดยเน้นเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมายภาษี รวมถึงป้องกันปัญหาการฟอกเงิน

ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางไนจีเรีย (CBN) ก็กำลังเร่งแก้ปัญหาค่าเงิน ด้วยการเคลียร์ภาระหนี้สินจากต่างประเทศ และฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโบลา ทินูบู ยังออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การปล่อยสินค้าในคลังสำรอง และจัดตั้งคณะกรรมการควบคุมราคาสินค้าเกษตร

แม้คริปโตจะช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกทางการเงินมากขึ้น แต่ก็ยังมีปัญหาที่ต้องระวัง เช่น การฉ้อโกงและความผันผวนของราคา อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าถ้ารัฐบาลออกกฎระเบียบที่สมดุล ไม่เข้มงวดจนเกินไป คริปโตอาจกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยให้เศรษฐกิจไนจีเรียฟื้นตัว

credit : coinpaprika , pic : cryptoslate

0 0

The post ไนจีเรียหันซบคริปโตฯ หลังเงินเฟ้อพุ่ง เศรษฐกิจดิ่งหนัก! appeared first on Crypto News.