นาย Yoni Assia CEO และผู้ร่วมก่อตั้งเว็ปเทรดสินทรัพย์ระดับโลก eToro ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำกับนาย Warren Buffett ประธานและ CEO ของสถาบันกองทุน Berkshire Hathaway ในฐานะแขกรับเชิญของนาย Justin Sun ผู้ก่อตั้ง TRON
โดยในระหว่างการรับประทานอาหารค่ำนาย Yoni Assia ได้แบ่งปันการพูดคุยกับนาย Warren Buffett ถึงประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้ :
“มื้อเย็นเป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนชีวิตของผม ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับนักลงทุนที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลกและเป็นฮีโร่ของผม ผมชื่นชมเขาตลอดในช่วงวัยเด็ก
“Warren Buffett ได้พูดอย่างที่เขาเขียนไว้ในหนังสือหลายเล่ม โดยเขากล่าวว่า การลงทุนนั้นง่ายและการทำเงินในตลาดนั้นทำได้ง่าย หากคุณลงทุนในธุรกิจที่คุณเข้าใจ , เชื่อมั่นและปฏิบัติตามกฎของการลงทุนที่ได้อธิบายไว้ในหนังสือของนาย Benjamin Graham’s 1949 คุณจะประสบความสำเร็จในฐานะนักลงทุน
“เหตุผลที่อาหารมื้อนี้ได้เปลี่ยนชีวิตผมไปอย่างสิ้นเชิง ก็เพราะมันคือทั้งหมดของชีวิต ผม ผมเป็นแฟนตัวยงของตลาดเงินทุน ผมเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุ 13 และผมได้สร้าง บริษัท ที่มีวิสัยทัศน์ที่ช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงตลาดเหล่านี้ได้ทุกที่ แต่ในขณะที่ผมได้รู้จักผู้คนมากมายที่เกี่ยวข้องในตลาดเงินทุน มันมีไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำเหมือนว่าการลงทุนนั้นคุ้มค่าสำหรับพวกเขา มันเหมือนกับเวทมนตร์ที่ซ่อนอยู่ข้างในลึก ๆ ซึ่งมันจะเปิดเผยออกมาก็ต่อเมื่อตัวคุณเองสามารถทำเงินได้ราว ๆ 15-20% ในตลอดช่วง 20 ปี และเก็บรวบรวมเงินเหล่านั้นไว้เป็นผลตอบแทน
“โชคดีที่ผมมีนักลงทุนที่ยอดเยี่ยมอยู่บนแพลตฟอร์มของ eToro ซึ่งตอนนี้ผมสามารถอ่านหนังสือเล่มนี้และนำการลงทุนที่คุ้มค่ามาสู่ผลประโยชน์ของฐานผู้ใช้งานทั่วโลก
“Warren Buffett เชื่อมั่นในธุรกิจที่สร้างมูลค่าได้จริง ซึ่งเขามองว่า Bitcoin นั้นไม่มีสิ่งเหล่านี้ และเขามองไม่เห็นคุณค่าในตัวของ Bitcoin , Warren เชื่อว่า bitcoin นั้นมีคุณค่าเฉพาะในบริบทของตลาดที่มีความผันผวนในระยะสั้นและสามารถเกิดความผิดพลาดได้คล้ายกันกับทองคำ ในมุมมองของเขา bitcoin ไม่ใช่สินทรัพย์ที่สามารถเก็บรักษามูลค่าได้ แต่สินทรัพย์ที่เก็บความกลัว เพราะเขาเชื่อว่าการลงทุนในสิ่งที่คาดหวังว่าตลาดจะเกิดผิดพลาดนั้นไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีนัก
“อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนนั้นมีคุณค่า แต่ตอนนี้ไม่มีบริษัทไหนที่ใช้มันได้อย่างถูกต้อง คนที่ฉลาดที่สุดบอกว่ามันเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญ แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถใช้มันได้
“ผมเห็นด้วยกับเขาว่าเรายังอยู่ในช่วงแรกของเทคโนโลยีบล็อกเชน แต่ผมก็ตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อเกี่ยวกับศักยภาพของมัน
“อันดับแรกเราควรต้องรู้เอาไว้ก่อนว่าเทคโนโลยีของการเปลี่ยนแปลงมักจะต้องใช้เวลา โดยเราจะเห็นได้จากตัวอย่างของนาย Alessandro Volta ที่ผลิตไฟฟ้าผ่านปฏิกิริยาทางเคมีขึ้นมาในปี 1800 และ อีก 31 ปีต่อมานาย Michael Faraday ก็ได้แนะนำเครื่องจักรที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ และในปี 1878 นาย Thomas Edison ก็ได้คิดค้นหลอดไฟซึ่งนำกระแสไฟฟ้ามาสู่กระแสหลัก ซึ่งกินเวลาไปเกือบ 78 ปี
“เมื่อปีที่แล้วเราเริ่มทำการทดลองที่เรียกว่า GoodDollar ที่ออกแบบมาเพื่อพยายามลดความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่งด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน เป้าหมายของเราคือการสร้าง cryptocurrency แบบโอเพ่นซอร์สระดับโลกที่เรียกว่า GoodDollar ซึ่งหากได้รับการยอมรับ มันจะเป็นแรงผลักดันที่ดีของการนำผู้คนเข้ามาสู่เศรษฐกิจโลกมากขึ้นและลดความไม่เท่าเทียมทางการเงิน เป้าหมายของมันคือการช่วยแจกจ่ายเงินให้กับทุกคนโดยใช้หลักการของ UBI ในระดับโลก
“ตอนนี้มันยังเร็วเกินไปที่เราจะหาคำตอบในสิ่งเหล่านี้ได้ทั้งหมด แต่ผมเชื่อว่าเราจะมีความก้าวหน้ามากขึ้นในอนาคต
“คนที่ร่ำรวยที่สุด 42 คนบนโลกใบนี้มีความมั่งคั่งมากกว่าคนที่ยากจนที่สุดถึง 3.7 พันล้านคน ซึ่งเราต้องจัดการกับความไม่สมดุลเหล่านี้และช่วยเหลือผู้คนหลายพันล้านคนที่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของพวกเขาในแต่ละวัน รายได้ขั้นพื้นฐานสากลจะเสนอโอกาสในการนำเงินฟรีให้กับพวกเขาทั้งหมด โดย ‘เงินฟรี’ ในที่นี่หมายถึงอิสรภาพทางการเงินที่ช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงจำนวนเงินได้มากขึ้นเพื่อเป็นเงินทุนในการสร้างความฝันของพวกเขา มันเป็นโอกาสที่จะนำคนมากกว่า 2.5 พันล้านคนเข้าสู่เศรษฐกิจโลก คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gooddollar.org”
Facebook Comments