บิตคอยน์กลับมาสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้ง หลังราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) ที่ 126,200 ดอลลาร์ในช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง บิตคอยน์ได้ทะลุแนวต้านเก่าที่ 124,457 ดอลลาร์อย่างมั่นคง และไม่มีแรงขายมากนัก ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อการปรับตัวขึ้นอย่างมีเสถียรภาพของตลาด

บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบนเชนชื่อดังอย่าง Glassnode ได้ออกมาชี้ว่า การเพิ่มขึ้นของราคาครั้งนี้ไม่ได้มาจาก “การเก็งกำไรเกินจริงเหมือนในอดีต” เหมือนในอดีต แต่เกิดจาก “พื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง” โดยเฉพาะแรงซื้อจากฝั่งสถาบันผ่านกองทุน ETF ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ปัจจุบันกองทุน Bitcoin ETF ถือครองสินทรัพย์รวมมูลค่ากว่า 164,500 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นราว 6.74% ของมูลค่าตลาดบิตคอยน์ทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการในระดับโครงสร้างที่กำลังขยายตัว
ในรายงาน Market Pulse ฉบับล่าสุด Glassnode กล่าวเพิ่มเติมว่า “เป้าหมายสูงสุดใหม่ของบิตคอยน์ในครั้งนี้ เป็นการขยายตัวพร้อมกันทั้งในตลาด Spot, ตลาดอนุพันธ์ และบนเครือข่าย” ซึ่งหมายความว่าการปรับขึ้นของราคาไม่ได้เกิดจากแรงเก็งกำไรในระยะสั้น แต่เป็นผลมาจากสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น การเข้ามาของ ETF ที่มั่นคง และการเติบโตของผลกำไรบนเครือข่ายที่เป็นรูปธรรม
ข้อมูลบนเชนยังระบุว่า ที่อยู่กระเป๋าเงินของนักลงทุนที่มีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นกว่า 11% และนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดตอนนี้ “อยู่ในกำไร” หากเลือกจะขายออกในช่วงนี้ ขณะเดียวกัน มูลค่ารวมของสัญญา Futures ที่เปิดอยู่ทั้งหมดก็พุ่งใกล้ระดับ 100,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากระแสเงินทุนใหม่กำลังไหลเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากฝั่งสถาบันและรายย่อย

ที่น่าสังเกตคือ แม้ราคาบิตคอยน์จะขึ้นต่อเนื่อง แต่ปริมาณการซื้อขายในช่วง 24 ชั่วโมงล่าสุดกลับลดลงราว 7% เหลือประมาณ 64,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็น “สัญญาณสุขภาพดีของตลาด” เพราะการขึ้นของราคาครั้งนี้ไม่ได้อาศัยแรงเทรดเก็งกำไร แต่เกิดจากแรงซื้อสะสมอย่างมั่นคงในระยะยาว
ขณะเดียวกัน BTC Dominance ก็ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 58.9% จาก 59.5% สะท้อนให้เห็นว่าตลาด Altcoin เริ่มฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยเฉพาะเหรียญอย่าง Solana, Dogecoin และ Toncoin ที่ขยับตัวขึ้นตามแรงบวกของตลาดหลัก นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่าเม็ดเงินกำลังเริ่มไหลกระจายจาก Bitcoin ไปยังเหรียญอื่น ๆ ในตลาด

โดยรวมแล้ว การปรับตัวขึ้นของบิตคอยน์ในรอบนี้จึงไม่ได้ดู “บ้าคลั่ง” หรือ “ฟองสบู่” เหมือนรอบก่อน ๆ แต่กลับดูมีเสถียรภาพมากขึ้นทั้งในเชิงเทคนิคและโครงสร้างตลาด ปัจจุบันราคาบิตคอยน์เคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 124,200 ดอลลาร์ และมีแนวโน้มที่จะทดสอบระดับ 127,000 ดอลลาร์ในระยะสั้น ซึ่งหากผ่านไปได้อย่างมั่นคง อาจกลายเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ “Supercycle” รอบใหม่ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างรอคอย
credit : new.bitcoin
Facebook Comments