ราคาของ Bitcoin และสินทรัพย์ความเสี่ยงอื่น ๆ นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง เนื่องจากพวกมันจะหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนของตลาดโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมา กล่าวโดยนาย Jeff Dorman ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Arca
“พวกเขาแค่อยากรู้ว่าจะมีผู้ชนะ” นาย Dorman ให้สัมภาษณ์กับ Business Insider เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เขากล่าวว่าในขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่กำลังลุ้นกันอยู่ว่าใครจะได้เสียงข้างมาก ซึ่งไม่สำคัญว่าใครจะแพ้หรือชนะ เพราะราคาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทั้งหมดจะมีราคาพุ่งสูงขึ้นในภายหลัง
การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาในปี 2012 และ 2016 ส่งผลต่อ Bitcoin อย่างไร
ในปี 2012 : บารัค โอบามา ชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 โดยในขณะนั้นราคา Bitcoin อยู่ที่ $10.90 และกำลังพุ่งขึ้นเรื่อยๆ และภายหลังจากนั้น 1 ปี ราคาก็ขยับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 2,221% ไปแตะที่ระดับ $ 253
ในปี 2016 : โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง และราคาบิทคอยน์ก็พุ่งขึ้นทันทีกว่า 3.8% จาก $ 709 ไปเป็น $ 736
อย่างไรก็ตามสำหรับปี 2020 นี้ หากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐตกเป็นของนาย Joe Biden สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่น ทองคำและ Bitcoin จะมีโอกาสที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า เพราะนั้นจะชี้ให้เห็นถึงการใช้จ่ายของรัฐบาลในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน นาย Dorman กล่าว “พรรคเดโมแครตนั้นสามารถบริหารจัดการเรื่องเงินเฟ้อได้ดีกว่า แต่เมื่อใดก็ตามที่ผลการเลือกตั้งประกาศออกมาชัดเจน ราคาทุกอย่างก็จะพุ่งสูงขึ้น”
Bitcoin พุ่งขึ้นกว่า 4% ในสัปดาห์นี้ไปแตะระดับ $13,282 ในวันศุกร์หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้กว่า 80% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วทำให้สกุลเงินดิจิทัลที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดัอยู่ใกล้กับจุดสูงสุดของเดือนมิถุนายน 2019 ที่ระดับ $13,880
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจาก PayPal ได้ออกมาประกาศว่าลูกค้าของพวกเขาจะสามารถซื้อขายและเก็บ Bitcoin ได้อย่างเป็นทางการ นักลงทุนมหาเศรษฐี Paul Tudor Jones ก็ได้เรียกสิ่งนี้ว่าเป็น “บริการซื้อ-ขายเงินเฟ้อที่ดีที่สุด” อีกทั้งยังมีบริษัทฟินเทคอย่าง Square, Microstrategy และ UK fintech Mode ที่ได้ทยอยกันออกมาประกาศว่า พวกเขานำเงินสดสำรองของบริษัทไปลงทุนใน Bitcoin แล้วอีกด้วย
ในฐานะที่คลุกคลีอยู่กับวงการธุรกิจสินทรัพย์มานานกว่า 17 ปี นาย Dorman กล่าวว่า “การที่มหาเศรษฐีอย่าง นาย Tudor Jones หันมาลงทุนใน Bitcoin นั้นไม่ได้เป็นการจุดประกายให้ตลาดเข้าสู่ภาวะ แต่ว่ามันได้ช่วยความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุุนในการก้าวเข้ามาสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล”
“คนหัวโบราณส่วนใหญ่ใน Wall street ไม่ต้องการเป็นคนแรก แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการเป็นคนสุดท้าย” เขากล่าว “เมื่อมีคนเริ่มแล้ว ผมคิดว่ามันจะเป็นการเปิดประตูให้กับคนอื่น ๆ ผมไม่คิดว่าเท่านี้มันจะเพียงพอที่จะเริ่มช่วงขาขึ้นของตลาดได้ แต่ผมก็คิดว่ามันมากพอแล้วที่จะเพิ่มความต้องการให้กับ Bitcoin “
0
0
Facebook Comments