จากข้อมูล CCN.com : เหล่า Bitcoiners จงดีใจ! bitcoin เท่านั้นจะอยู่รอดจากหายนะนิวเคลียร์ ตรงกันข้ามกับธนาคารและสกุลเงิน fiat คงโดนเปลวไฟเผาหายไปทั้งหมด นั่นคือสิ่งที่ Charlie Shrem ผู้บุกเบิกคริปโตยุคเริ่มต้น ต้องการให้ไตร่ตรองถึงอนาคตข้างหน้า
“Bitcoin จะเป็นสกุลเงินที่มีความมั่นคงสูงในช่วงสงครามนิวเคลียร์เมื่อเทียบกับสกุลเงิน fiat ซึ่งจะล้มเหลวด้วยเหตุผลนานานับประการ” Shrem พรั่งพรูคำพูดในวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมาบนโพสต์ของ Hacker Noon
เนื่องจากคำว่าเงินมันเป็นกายภาพจับต้องได้และไม่ได้เป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบ Bitcoin มันจึงเป็นไปได้ที่จะถูกเผาในลูกไฟนิวเคลียร์ ธนาคารอาจสูญเสียเงินทุนสำรองที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการอย่างฉับพลันในช่วงนั้น
‘ธนาคารจะระเหยกลายเป็นไอ’
ยิ่งกว่านั้น Shrem กล่าวว่าหัวรบนิวเคลียร์จะทำลายองค์กรการธนาคารส่วนกลางและทำให้กลายเป็นส่วนที่ไร้ประโยชน์ เป็นผลให้ยอดคงเหลือในธนาคารออนไลน์จะไม่มีความหมายเมื่อธนาคารและคอมพิวเตอร์ถูกทำลาย
“ ยอดคงเหลือในธนาคารก็จะไร้ความหมาย” Shrem ให้เหตุผล “ ไม่มีใครสามารถไปที่ธนาคารหรือตู้ ATM เพื่อรับเงินสดเนื่องจากธนาคารจะหยุดปฏิบัติการในวันที่มีการระเบิดนิวเคลียร์ครั้งแรก”
แท้จริงแล้ว Shrem เตือนผู้อ่านว่า “ ธนาคารบางแห่งจะระเหยหายไปหมด” ในขณะเดียวกันคนอื่น ๆ จะกำลัง “ ปนเปื้อนด้วยรังสีนิวเคลียร์” แต่สิ่งที่จะรอดจากโศกนาฏกรรมที่ไม่อาจบรรยายได้? แน่นอนว่าคือ Bitcoin !
Shrem: Decentralization จะทำให้ Crypto เป็นอมตะ
ในขณะที่การทดลอง Shrem พยายามที่จะสร้างจุดเกี่ยวกับการป้องกันความอ่อนแอ
(anti-fragility) ของ Cryptocurrencies เมื่อเทียบกับเงินธรรมดาหรือแม้กระทั่งทองคำ Shrem ชี้ให้เห็นว่าสินทรัพย์ทางกายภาพของ bitcoin มันไม่มีสถานะทางกายภาพเพราะถูกกระจายอำนาจรูปแบบ decentralized และไม่มีจุดไหนที่ bitcoin จะพังทลายลง
ตราบใดที่มี node อย่างน้อยหนึ่ง node ที่ใช้บน Bitcoin network , Bitcoin จะยังคงสามารถทำงานต่อไปได้ มีความเป็นไปได้สูงว่า node Bitcoin จำนวนมากจะรอดตายจากการถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากโหนดแรกนั้นได้กระจัดกระจายไปทั่วโลกแล้วและพวกเขายังสามารถสื่อสารซึ่งกันและกันผ่านอินเทอร์เน็ตของดาวเทียม
ในความเป็นจริงหากเกิดสงครามนิวเคลียร์สิ่งสุดท้ายที่คนส่วนใหญ่กังวลคือเงิน อย่างไรก็ตาม Shrem ยกประเด็นที่กระตุ้นความคิดเพื่อพิจารณาท่ามกลางช่วง Crypto Winter ในปัจจุบัน
ที่มา : ccn
ช่องทางรับข้อมูลข่าวสาร : Facebook , Tweet , Google+ , Youtube
Telegram กลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เรื่อง crypto : ที่นี่
Facebook Comments