หลังจากรอคอยกันมานานหลายปีในที่สุด Ethereum ก็กำลังจะเปลี่ยนไปใช้กลไก proof-of-stake ในเดือนก.ย.นี้ซึ่งจะเป็นการช่วยลดการใช้พลังงานที่จำเป็นในการรันบล็อกเชนลงได้อย่างมาก
สิ่งนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อ NFT ที่ทำธุรกรรมบนเครือข่าย Ethereum และช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและอาจช่วยรักษาชื่อเสียงของ NFT ที่ใช้ Ethereum ในหมู่นักเล่นเกม , ผู้สร้างเนื้อหา , นักสิ่งแวดล้อม , และคนอื่น ๆ นอกพื้นที่คริปโต และอาจกระตุ้นยุคใหม่ของการนำ NFT ไปใช้งานจริง
“ความต้องการไฟฟ้าของ Ethereum ในปัจจุบันเทียบเท่ากับขนาดของประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างโปรตุเกส” Alex de Vries จาก Digiconomis จากแพลตฟอร์มที่คอยติดตามการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอน ของ Ethereum และ Bitcoin กล่าว
“เนื่องจากเราอยู่ท่ามกลางวิกฤตด้านพลังงานและภาวะฉุกเฉินด้านสภาพอากาศ นี่จะเป็นขั้นตอนใหญ่ในการทำให้ Ethereum มีความยั่งยืนมากขึ้น”
Proof of stake จะเข้ามาแทนที่การใช้พลังงานไฟฟ้าที่สิ้นเปลืองอย่างมากสำหรับนักขุด และสิ่งนี้จะช่วยลดการใช้พลังงานของ Ethereum ลงได้ถึง 99.5%
อย่างไรก็ตาม Ethereum ไม่ใช่บล็อกเชนที่รองรับ NFT อย่างเดียว แต่ยังเป็นเครือข่ายที่มีโวลลุ่ม NFT มากที่สุดอีกด้วย เห็นได้จากส่วนแบ่งวอลลุ่มซื้อขาย NFT ที่มากกว่า 80% ของการซื้อขาย NFT ทั้งหมด ในขณะที่ Solana ซึ่งเป็น proof-of-stake เช่นเดียวกัน ครองส่วนแบ่งเพียง 12% ในปีที่แล้ว อ้างอิงตามข้อมูลของ The Block’s Data Dashboard
Facebook Comments