ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (PBOC) ได้ออกแนวทางใหม่เพื่อกำจัดการใช้ crypto ทุกรูปแบบในจีนแผ่นดินใหญ่ ธนาคารกลางจีนถือว่าธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ crypto ทั้งหมดผิดกฎหมายและสั่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างเข้มงวดกับเหมืองขุด crypto ที่มีอยู่ในประเทศ นอกจากนี้ยัง ห้ามกระดานแลกเปลี่ยน crypto ต่างประเทศใด ๆ ให้บริการในประเทศ
การประกาศแบน crypto ล่าสุดในประเทศจีนทำให้ราคา cryptocurrency ลดลงอย่างรวดเร็วรวมถึง Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH) และอื่น ๆ อีกหลายรายการ ในขณะที่ผู้ที่สนใจใข Cryptocurrency ไม่ได้ตกใจกับการเคลื่อนไหวนี้มากนัก เนื่องจากจีนได้สั่งห้าม Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ หลายครั้งแล้วก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ประชาชนทั่วไปเชื่อว่าแนวทางปฏิบัติชุดล่าสุดนั้นแตกต่างจากการปราบปรามก่อนหน้านี้ เนื่องจากมาเป็นประกาศที่มาจากธนาคารกลางเอง
มาดูประเด็นสำคัญห้าประการในแนวทางการปราบปราม Cryptocurrency ที่เพิ่งเปิดตัวซึ่งแตกต่างจากการปราบปรามครั้งก่อนอื่น ๆ
1.ไม่สามารถทำเหมืองขุด Cryptocurrency ทุกประเภท
ชุดแนวทางการปราบปราม crypto ในปัจจุบันถือว่าการทำเหมือง crypto เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องกวาดล้าง ซึ่งจะนำไปสู่ค่าไฟฟ้าส่วนเกินสำหรับการดำเนินการขุด crypto ประเทศจีนได้กำหนดให้การขุด crypto อยู่ภายใต้ “หมวดที่ต้องถูกกำจัด (elimination category)”
2. การกล่าวถึง Bitcoin, Ethereum และ Tether อย่างชัดเจนครั้งแรก
แนวทางการกำกับดูแลล่าสุดมีการกล่าวถึง Bitcoin, Ethereum และ USDT เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ สินทรัพย์ดิจิทัลถูกเรียกว่าสินทรัพย์เสมือน รองผู้ว่าการธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน Fan Yifei ยกกรณีในการใช้ Stablecoin ขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยอ้างว่าอาจนำไปสู่ความล้มเหลวของระบบการเงินที่มีอยู่
3. คำสั่งห้าม Crypto จากส่วนกลางครั้งแรก
ก่อนที่จะมีแนวทางการปราบปราม Cryptocurrency ล่าสุดจากธนาคารกลางนั้น กิจกรรมการปราบปรามในช่วงแรกๆ ส่วนใหญ่ ดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐและองค์กรท้องถิ่น แม้จะมีการกำกับดูแลแบบรวมศูนย์ แต่ไม่มีการดำเนินการด้านกฎระเบียบอื่น ๆ แต่ประกาศล่าสุดที่ออกมานี้เป็นคำสั่งห้ามโดยตรงจากส่วนกลางนอกเหนือจากคำเตือน ในเวลานี้ศาลฎีกา, สำนักงานอัยการสูงสุด, กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และการบริหารการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ได้รวมตัวกันเพื่อให้แน่ใจว่ามีการห้ามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency อย่างสมบูรณ์
4. บริษัทในประเทศต้องรับผิดชอบหากมีส่วนเกี่ยวข้องหรือให้การช่วยเหลือหน่วยงานในต่างประเทศ
แนวทางปฏิบัติในปัจจุบันยังก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมากสำหรับธุรกิจท้องถิ่นและผู้ให้บริการโซลูชันด้านเทคโนโลยี ซึ่งจะต้องรับผิดชอบหากพบว่าเกี่ยวข้องกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายคริปโต เอกสารอย่างเป็นทางการอ่านว่า
“การให้บริการกระดานแลกเปลี่ยน Cryptocurency ในต่างประเทศให้กับผู้อยู่อาศัยในประเทศจีน (ใช้คำว่า “my country”) ผ่านทางอินเทอร์เน็ตก็เป็นกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมายเช่นกัน สำหรับเจ้าหน้าที่ในประเทศของกระดานแลกเปลี่ยนสกุลเงินเสมือนในต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับผู้ที่รู้หรือควรรู้ว่าพวกเขามีส่วนร่วมในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินเสมือน ถือว่าพวกเขายังคงมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย, นิติบุคคล, องค์กรอิสระ และบุคคลธรรมดาที่ให้บริการเช่น การส่งเสริมการตลาด, การชำระเงิน และการชำระบัญชี และการสนับสนุนด้านเทคนิคต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย”
5. รัฐบาลจะไม่ปกป้องผู้ที่ได้รับความเสียหายอันเนื่องมาจาก Crypto
แนวทางปฏิบัติทำให้ชัดเจนว่าไม่มี “ifs & Buts” เกี่ยวกับความถูกต้องตามกฎหมายของ cryptocurrencies บุคคลใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการซื้อขาย crypto ที่ละเมิดความสงบเรียบร้อยของประชาชนจะไม่มีสิทธิ์ได้รับการดำเนินการทางกฎหมายทางแพ่ง หมายความว่ารัฐบาลจะไม่ให้ความช่วยเหลือพลเมืองที่ได้รับความเสียหายที่เกิดจากการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency
โดยการปราบปราม crypto ล่าสุดนั้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อกระดานแลกเปลี่ยน crypto เช่น Huobi, OKEx และ Binance เนื่องจากเทรดเดอร์ชาวจีนส่วนใหญ่ใช้ประโยชน์จากกระดานแลกเปลี่ยนเหล่านี้ โดยเฉพาะเหรียญประจำแพลตฟอร์มของ Huobi และ OKEx นั้นราคาดิ่งลงไปถึง 15%
ที่มา: coingape.com, ภาพจาก: Blockchain news
ช่องทางการติดต่อ
Facebook, Twitter, Google+, Telegram, Blockdit
กดลิ้งสมัครฟรี เว็ปเทรด Binance👇🏻
กดลิ้งสมัครฟรี เว็ปเทรด Satangpro👇🏻
กดลิ้งสมัครฟรี เว็ปเทรด Bitkub 👇🏻
Facebook Comments