ในการประชุมของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของรัฐบาล นาย Veiko Tali รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอ้างว่ามีตัวเลขเป็นหลักฐานว่า ธุรกิจด้านสกุลเงินดิจิทัลต้องการ “ความเอาใจใส่ที่มากขึ้น” จากหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามกฏอย่างเคร่งครัด
เอสโตเนียกลายเป็นประเทศทางเลือกสำหรับ ผู้ประกอบการด้านสกุลเงินดิจิทัล เนื่องจากมีบริษัท Start Up ด้านสกุลเงินดิจิทัลนิยมมาจดทะเบียนเพื่อขอออกใบอนุญาตในการดำเนินการเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลเป็นอย่างมาก ซึ่งหลังจากการออกใบอนุญาตที่วุ่นวายในปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ต้องเผชิญกับการตรวจสอบ, การปฏิบัติตามและการบังคับใช้กฏหมาย ซึ่งมักจะมีปัญหากับหลายบริษัทที่มีความไม่น่าเชื่อถือ
ตามที่ นาย Tali กล่าวว่า เนื่องจากข้อจำกัดทางของกฎหมายเอสโตเนีย ทำให้ “วิธีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและการแทรกแซง” ของหน่วยงานกำกับดูแลมีขอบเขตการปฏิบัติงานค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตามกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมที่นำมาใช้เมื่อต้นปีนี้ ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลมีอำนาจมากขึ้น ในการระงับใบอนุญาตของผู้ประกอบการสกุลเงินดิจิทัล
“การประสานงานของบริษัทเหล่านี้ กับเอสโตเนียยังถือว่าน้อยมาก และลูกค้าของบางบริษัทมาจากประเทศที่ห่างไกล”
บริษัทที่ทำธุรกิจด้านสกุลเงินดิจิทัล มักพบว่าการจัดการปัญหาทางกฎหมายที่เกิดขึ้นจากภาคธุรกิจนั้นเป็นเรื่องยาก แม้ว่าจะมีการเติบโตอย่างมากธุรกิจด้านสกุลเงินดิจิทัลก็ตาม ประเทศส่วนใหญ่ยังไม่สามารถจัดทำโครงสร้างทางกฎหมาย สำหรับธุรกิจด้านสกุลเงินดิจิทัลได้ โดยธนาคารทั่วโลกยังคงไม่เต็มใจที่จะให้บริการลูกค้าสกุลเงินดิจิทัล
การบุกเบิกด้าน Cryptocurrency ในปี 2019 ของเอสโตเนีย นั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อสนับสนุนให้ บริษัทสตาร์ทอัพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกี่ยวกับ Cryptocurrency ที่เพิ่งเริ่มต้น และฐานภาษีสำหรับเศรษฐกิจขนาดเล็กในเอสโตเนีย
ผลมาจากความเร่งรีบในการยื่นขอใบอนุญาตของผู้ประกอบการต่างๆ ทำให้หน่วยข่าวกรองทางการเงินของเอสโตเนีย พบความเสี่ยงในการฟอกเงินของผู้ประกอบการด้าน Cryptocurrency เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าภาคส่วนอื่น ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้กฎระเบียบและการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ใบอนุญาตมากกว่า 1,000 ฉบับ ที่ออกให้บริษัที่จดทะเบียนในปี 2020 ได้ถูกเพิกถอน แต่ยังคงมีบริษัทอีกประมาณ 400 แห่ง ที่ยังคงถือใบอนุญาตผู้ประกอบการด้าน Cryptocurrency ในเอสโตเนีย ภายใต้เงื่อนไขการใช้ KYC และ AML ที่เข้มงวดกว่าเดิม
ที่มา: Coingeek.com
ช่องทางการติดต่อ
Facebook, Twitter, Google+, Telegram, Blockdit
Facebook Comments