ในช่วงที่ผ่านมาการปล่อยเงินกู้ด้วยเหรียญ Cryptocurrency นั้นได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนจากการถือครองเหรียญ Cryptocurrency เยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น Crypto Lending Platform จึงเริ่มเป็นกระแสมานับตั้งแต่นั้น
Crypto Lending คืออะไร?
การให้ยืมเหรียญ Crypto เป็นรูปแบบการลงทุนทางเลือกที่นักลงทุนให้กู้ยืมเหรียญ Stablecoin หรือ cryptocurrencies กับผู้ใช้รายอื่นเพื่อแลกกับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยตอบแทนตามเงื่อนไขของ Platform นั้น ๆ
ผู้กู้จำเป็นต้องฝากทรัพย์สิน Cryptocurrency เพื่อเป็นหลักประกันในการกู้ยืม หากคุณต้องการเริ่มต้นการกู้ คุณสามารถทำได้โดยการให้ยืมเงินผ่านแพลตฟอร์มการให้กู้ยืมเหรียญแบบ P2P
Crypto Lending ทำงานอย่างไร
ในบทความนี้เราจะมาแบ่งวิธี Crypto Lending ออกเป็น 3 ขั้นตอนย่อย ๆ :
- คุณลงทะเบียนบนแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งและฝากเงินเข้าบัญชีการลงทุนของคุณ
- คุณเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุนของคุณ และลงทุนในเงินกู้ที่มีหลักประกัน
- ผู้กู้ (หรือแพลตฟอร์ม) จะชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคงค้างกลับเข้าบัญชีของคุณ
แพลตฟอร์มการให้ยืมเหรียญคริปโตแบบ P2P ที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง
1.CoinLoan
CoinLoan เป็นแพลตฟอร์มที่ตั้งอยู่ในเอสโตเนียและก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2016 แพลตฟอร์มดังกล่าวดำเนินการโดยบริษัทที่มีชื่อว่า ExFinance OÜ ซึ่งได้รับอนุญาตและควบคุมโดยหน่วยงานตรวจสอบการเงินของเอสโตเนีย
ข้อดีของ COINLOAN
- ผลิตภัณฑ์ให้กู้ยืมที่หลากหลาย
- สภาพคล่องสูงด้วยบัญชีดอกเบี้ยของ CoinLoan
- สินเชื่อคริปโตที่มีหลักประกันที่สูงมาก
ข้อด้อยของ COINLOAN
- ไม่มีสถิติและข้อมูลทางการเงิน
- ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับทีม
- ความสนใจในตลาดสินเชื่อค่อนข้างต่ำ
2.Nexo
Nexo เป็นแพลตฟอร์มการให้ยืมเหรียญคริปโต แบบ P2P ของเอสโตเนีย ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 โดยสิ่งที่ Nexo แตกต่างจาก Coinloan เลยก็คือ Nexo จะเสนอเฉพาะบัญชีดอกเบี้ยเท่านั้น ดังนั้นนักลงทุนบนแพลตฟอร์มนี้จึงไม่สามารถเลือกลงทุนในสินเชื่อรายย่อยได้ Nexo ก่อตั้งโดยทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง Credissimo ซึ่งเป็นผู้ให้กู้รายใหญ่ในยุโรปอย่างไรก็ตามทั้งสองหน่วยงานจะแยกออกจากกัน แต่ในความเป็นจริง Nexo หรือ Credissimo ไม่มีใบอนุญาตการให้กู้ยืมในเอสโตเนีย ตามคำแถลงที่เผยแพร่โดยสถาบันการเงินเอสโตเนีย
ข้อดีของ NEXO
- บัญชีดอกเบี้ยที่ให้ผลตอบแทนสูง
- สภาพคล่องสูง
- LTV ต่ำเพียง 50%
ข้อด้อยของ NEXO
- การอ้างสิทธิ์บนเว็บไซต์ของ Nexo เป็นเรื่องที่น่าสงสัย
- ฝ่ายสนับสนุนไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการตรวจสอบสถานะ
- จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำคือ $ 1,000
3.BlockFi
BlockFi เป็นแพลตฟอร์มการให้ยืมเหรียญคริปโตในสหรัฐอเมริกา ซึ่งดำเนินการโดย BlockFi Lending LLC โดยมีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก บริษัทมีใบอนุญาตการให้กู้ยืมและใบอนุญาตการกู้ยืมสำหรับผู้บริโภคจากทั้งหมด 9 รัฐ แพลตฟอร์มการให้ยืมคริปโตนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถเปิดบัญชีคริปโตที่คุณฝาก Bitcoin, Ether, Litecoin, USD Coin หรือ Gemini Dollar และรับดอกเบี้ยสูงถึง 8.6% ต่อปี
ข้อดีของ BLOCKFI
- รับดอกเบี้ยจากการฝากสกุลเงินดิจิทัลของคุณ
- เปิดบัญชีภายใน 2 นาที
- การจัดการของ BlockFi แสดงอยู่บนเว็บไซต์
ข้อด้อยของ BLOCKFI
- ไม่ทราบแน่ชัดว่าเงินของคุณเป็นสกุลอะไร
4.MyConstant
MyConstant ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการให้ยืมเงินดิจิทัลแบบ P2P ตัวใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2019 ดำเนินการอยู่ในแคลิฟอร์เนีย นักลงทุนสามารถฝากเงิน fiat เช่น USD (โดยขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของ KYC)
สำหรับแพ็กเก็จการให้กู้ยืมของ MyConstant นักลงทุนจะมีตัวเลือกการลงทุนถึง 4 ผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้ :
- 1. สินเชื่อ Crypto ในนามของ Constant คุณสามารถคาดหวังว่าจะได้รับดอกเบี้ยประจำปีแบบคงที่ 4% ต่อปีและสามารถเข้าถึงเงินของคุณได้ทันที
- 2. สินเชื่อ Crypto ที่มีเงื่อนไขการกู้ยืมแบบ 30 – 80 วัน คุณสามารถคาดหวังว่าจะได้รับ 7% – 7.5% ต่อปี
- 3. ผู้ให้กู้ที่มีการรับประกันการซื้อคืน คุณสามารถคาดหวังว่าจะได้รับดอกเบี้ยสูงถึง 11% ต่อปี
- 4. การฝากเหรียญคริปโตของคุณ (BTC, BNB, ETH) คุณสามารถคาดหวังว่าจะได้รับดอกเบี้ย 10% ต่อปีและจะมีตัวเลือกการกดถอนทันที
ผลิตภัณฑ์ 1, 2 และ 3 สามารถฝากเป็นเงิน fiat ได้ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่ 4 ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้ถือคริปโตเท่านั้น
ข้อดีของ CONSTANT
- แพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสำหรับผู้ถือเหรียญ crypto และ non-crypto
- ถอนฟรี
ข้อด้อยของ CONSTANT
- เพิ่งเริ่มเปิดบริการในปี 2019
- ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับฝากทรัพย์สิน
- ไม่มีการนำเสนอใบอนุญาตการให้กู้ยืมหรือการซื้อขาย
การให้ยืมเหรียญ Crypto ปลอดภัยหรือไม่?
Platform Crypto Lending จำนวนมากทำให้นักลงทุนเชื่อว่าพวกเขาจะไม่สูญเสียเงินทุน แต่โปรดจำไว้เลยว่า ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่มีความเสี่ยง
- Platform Crypto Lending ขาดความโปร่งใสอย่างมาก สิ่งนี้เห็นได้ชัดจากแพลตฟอร์มเช่น Constant, Nexo และ CoinLoan ซึ่งไม่ได้แนะนำซีอีโอของตนบนเว็บไซต์
- ผู้กู้ต้องแบกรับความเสี่ยงในการจัดหาสภาพคล่องด้วยตัวเอง ในกรณีที่มูลค่าหลักประกันลดลงต่ำกว่ามูลค่าที่กำหนด ซึ่งหมายความว่าผู้กู้จะต้องดูอัตราส่วนหลักประกันอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในช่วงที่หากลงทุนไปแล้วจะได้รับผลกำไร
- สำหรับระบบนิเวศแบบกระจายอำนาจ (decentralized space) ยังมีความเสี่ยงจากโค้ดของสัญญา smart contracts ที่แฮกเกอร์สามารถโจมตีแพลตฟอร์มผ่านจุดบกพร่องหรือช่องโหว่เหล่านี้ได้
- สุดท้ายนี้ยังมีความเสี่ยงด้านภาษีและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้อีกด้วย
***ข้อมูลที่จัดทำขึ้นในบทความนี้เป็นข้อมูลจากเวปไซด์ทั่วไป แนะนำให้นักลงทุนศึกษาข้อมูลจาก Platform ที่ต้องการลงทุนอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลง***
Facebook Comments