ประเทศจีนยังคงเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนอย่างเนื่อง โดยล่าสุดพวกเขาได้เปิดตัวระบบระบุตัวตนด้วยบล็อกเชนที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้ในเมืองต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจคเมืองอัจฉริยะ หรือ ‘smart city’
ในวันที่ 4 พ.ย. หนังสือพิมพ์รายวันของจีนนามว่า ‘tabloid’ ได้รายงานว่าระบบการระบุตัวตนที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้จะเปิดตัวร่วมกับ 3 สถาบันในเมือง Shijiazhuang
ระบบระบุตัวตนที่ใช้ blockchain นี้จะกำหนด ID ดิจิทัลระดับโลกที่ไม่ซ้ำใครให้กับเมืองอัจฉริยะของจีน โดยมีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อและการแบ่งปันข้อมูลระหว่างเมือง ซึ่งผู้คนในเมืองอัจฉริยะทั่วประเทศจีนจะสามารถยื่นขอรับรหัสประจำตัวแบบดิจิทัลได้ตั้งแต่วันอาทิตย์นี้
นาย Zhang Chao ผู้อำนวยการของสถาบันวิจัยและข้อมูลที่ Zhongguancun ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแห่งเทคโนโลยีโค้ดแบบสองมิติกล่าวว่าระบบดังกล่าวได้รับการพัฒนาโดยประเทศจีน
ระบบจะถูกแจกจ่ายและบริหารจัดการโดยประเทศจีนอย่างอิสระด้วยกฎการกระจายแบบรวมศูนย์อำนาจ รวมถึงการใช้ Distributed Storage ที่มีความละเอียดสูง และโค้ดที่สามารถป้องกันการเจาะข้อมูลจากผู้ไม่หวังดี
โดยจีนได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโปรเจคเมืองอัจฉริยะมาเป็นเวลาหลายปีแล้วเนื่องจากความท้าทายใหม่ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นจากจำนวนประชากรในประเทศ
‘Smart city’ จะปรากฏขึ้นทั่วโลก
เมืองอัจฉริยะและเทคโนโลยีที่หลากหลายเหล่านี้จะช่วยให้การบริการในเขตเทศบาลเมืองนั่นมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง , พลังงานทดแทน , อาคารประหยัดพลังงานและระบบสื่อสารต่าง ๆ
ในเดือนกรกฎาคมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้เปิดตัวโปรเจค “ดูไบ” ซึ่งมีเป้าหมายที่จะทำให้เมืองของพวกเขากลายเป็นผู้นำระดับโลกโดยการเป็น “เมืองแรกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี blockchain ภายในปี 2021” และจะทำการอัพเกรดทุกอย่าง นับตั้งแต่เรื่องการดูแลสุขภาพ , การศึกษาไปจนถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
และเมื่อไม่นานมานี้บริษัทสตาร์ทอัพของสิงคโปร์ที่มีชื่อว่า Limestone Network ได้มีการประกาศเปิดตัวโปรเจคเมืองอัจฉริยะที่ใช้บล็อกเชนใหม่สำหรับ ‘พนมเปญ’ เมืองหลวงของกัมพูชา ซึ่งคาดว่าโปรเจคดังกล่าวจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2022 โปรเจคดังกล่าวจะมีพาร์ทเนอร์หลายรายอาทิเช่น แอพพลิเคชั่นใบขับขี่ , สถาบันการเงิน , เจ้าของแบรนด์ค้าปลีกและบริษัทการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น
นอกจากนี้ในเดือนกันยายนทางมูลนิธิ IOTA ได้เผยแพร่รายงานวิจัยทั้งหมด 19 หน้าในเรื่องของ “เมืองที่เปิดกว้างและโปร่งใส” ซึ่งบริษัทกำลังร่วมมือกับเมืองหลวงของไต้หวันและโปรเจค CityxChange ที่ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมาธิการในยุโรปเพื่อศึกษาหาแนวคิดของเมืองอัจฉริยะ
ที่มา : cointelegraph
Facebook Comments