นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวอเมริกัน Nick Szabo กลายเป็นผู้ที่มีโอกาสสูงสุดที่จะถูกตั้งชื่อว่า Satoshi Nakamoto ในสารคดีเรื่องใหม่ของ HBO ที่อ้างว่าจะเปิดเผยตัวตนของผู้สร้าง Bitcoin ตามการคาดการณ์บนแพลตฟอร์มเดิมพัน Polymarket โดยแซงหน้า Len Sassaman นักเข้ารหัสลับ
ผู้เดิมพันบน Polymarket ได้ให้โอกาสกับ Szabo ผู้คิดค้นเครือข่ายคริปโตที่ล้มเหลวอย่าง Bit Gold มีโอกาสถึง 27.9% ที่จะถูก HBO’s Money Electric: The Bitcoin Mystery เปิดเผยว่าเป็นผู้สร้าง Bitcoin ที่ใช้ชื่อปลอม ตามด้วย Sassaman ที่มีโอกาส 14% และ Adam Back ซีอีโอของ Blockstream ที่มีโอกาส 4.3%
ก่อนหน้านี้ Sassaman เคยนำหน้าด้วยโอกาสสูงถึง 68% หลังจากที่แพลตฟอร์มเดิมพันเปิดตลาดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม
แต่อัตราต่อรองดังกล่าวเริ่มลดลงเมื่อโปรดิวเซอร์ของสารคดี Cullen Hoback ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNN เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ว่าเขาได้เผชิญหน้ากับบุคคลที่เขาเชื่อว่าเป็น Satoshi Nakamoto ตัวจริงต่อหน้า ซึ่งน่าจะทำให้ Len Sassaman หลุดจากการเป็นผู้ต้องสงสัย เนื่องจากเขาเสียชีวิตลงในปี 2011
“เราได้ทำคดีที่แข็งแกร่งและผมคิดว่าปฏิกิริยาของพวกเขาในบางครั้งก็มีความหมายมากกว่าหลักฐานที่เรานำเสนอเสียอีก” Hoback กล่าวเสริมว่า “มันสำคัญที่สาธารณชนควรจะได้รู้ว่า [Satoshi] อาจเป็นใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเขายังคงมีส่วนร่วมอยู่ในปัจจุบัน”
นอกจากนี้ ภรรยาหม้ายของ Sassaman คือ Meredith Patterson ยังได้ให้สัมภาษณ์กับ DL News เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ว่า HBO ไม่ได้ติดต่อเธอเพื่อขอข้อมูลสำหรับสารคดีนี้เลย
การเผชิญหน้ากับบุคคลที่ Hoback อ้างว่าเป็น Satoshi Nakamoto ยังตัดชื่อ Hal Finney นักพัฒนาซอฟต์แวร์ชาวอเมริกันที่ได้รับธุรกรรม Bitcoin แรกจาก Nakamoto ซึ่งเสียชีวิตในปี 2014 ออกจากผู้ต้องสงสัยด้วยเช่นกัน ปัจจุบัน Hal Finney มีอัตราต่อรองอยู่ที่ 2.7% บน Polymarket
โปรแกรมเมอร์ที่ถูกจำคุกอย่าง Paul Le Roux มีอัตราต่อรองอยู่ที่ 2.8% ขณะที่มหาเศรษฐี Elon Musk, Craig Wright ผู้ที่เคยอ้างตัวว่าเป็น Nakamoto, รวมถึงบุคคลอื่น ๆ อย่าง Dorian Nakamoto และ David Kleiman มีอัตราต่อรองเพียงเล็กน้อย
ตัวเลือก “อื่น ๆ / หลายบุคคล” บน Polymarket ในตอนนี้มีอัตราต่อรองสูงสุดอยู่ที่ 37%
แม้ว่า Bit Gold เครือข่ายที่สร้างโดย Nick Szabo จะไม่เคยได้เปิดใช้งานจริง แต่ก็มักถูกมองว่าเป็นต้นแบบและอิทธิพลสำคัญต่อ Bitcoin เนื่องจากมีองค์ประกอบของเครือข่ายแบบ Peer-to-Peer, การขุดด้วย Proof-of-Work และแนวคิดการเข้ารหัสที่ภายหลังถูกนำมาใช้ใน Bitcoin
credit : cointelegraph
Facebook Comments